ผู้ประท้วงชาวบราซิลเรียกร้องทหารยึดอำนาจ
ชาวบราซิลเรียกร้อง "ชัตดาวน์" ทั่วประเทศ หลังคนขับรถบรรทุกประท้วง เหตุราคาน้ำมันพุ่ง เชื่อปธน.เอี่ยวทุจริตบริษัทน้ำมัน
ชาวบราซิลเรียกร้อง "ชัตดาวน์" ทั่วประเทศ หลังคนขับรถบรรทุกประท้วง เหตุราคาน้ำมันพุ่ง เชื่อปธน.เอี่ยวทุจริตบริษัทน้ำมัน
เดอะการ์เดี้ยนรายงานว่าบรรดาคนขับรถบรรทุกและกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนนับพันคนได้รวมตัวประท้วงที่สถานีบริการน้ำมันบนทางหลวงในนครเซา เปาโล ของบราซิล เพื่อเตรียมการเดินขบวนประท้วงใหญ่ทั่วประเทศ
รายงานระบุว่า บรรดากลุ่มผู้ประท้วงได้ใช้ "ธงชาติบราซิล" เป็นสัญลักษณ์ในการเดินขบวน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในการประท้วงของบราซิล รวมถึงมีการติดป้ายเรียกร้องให้ "กองทัพบราซิล" เข้าแทรกแซงทางการเมือง ซึ่งเป็นการเรียกร้องให้บราซิลกลับไปสู่การปกครองแบบเผด็จการทหารในช่วงคศ.1985
สำหรับการประท้วงดังกล่าวเป็นเหตุการณ์สืบเนื่องมาจากที่บรรดาคนขับรถบรรทุกของบราซิลออกมาประท้วงการขึ้นราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นภาคการขนส่งขนาดใหญ่ของบราซิล โดยการขึ้นราคาน้ำมันนี้เป็นผลมาจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่แพงขึ้น ในขณะที่เงินเรียลอ่อนค่าลงอย่างหนัก สั่นคลอนรัฐบาล และเศรษฐกิจของบราซิลซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของอเมริกาใต้
การประท้วงดังกล่าวส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนพลังงานและอาหารในหลายพื้นที่ของเมืองใหญ่ในบราซิล เนื่องจากธุรกิจการขับรถบรรทุกขนส่งสินค้าคิดเป็น 60% ของสินค้าที่หมุนเวียนในตลาดบราซิล จนในที่สุดเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี มิเชล เตเมร์ ผู้นำบราซิลต้องประกาศปรับลดราคาขายน้ำมันดีเซลในประเทศลงเหลือ 0.46 เรียลต่อลิตร ให้มีผลบังคับใช้ 60 วัน
นายมิเชล เตเมร์ ปธน.บราซิล
ขณะที่ล่าสุดกลุ่มคนขับรถบรรทุกและผู้ประท้วงบางส่วนระบุว่า แม้ว่า ประธานาธิบดีมิเชล เตเมร์ จะประกาศลดราคาน้ำมันเป็นการชั่วคราว แต่เศรษฐกิจของบราซิลยังคงฝืดเคียงและค่าเงินเรียลยังคงอ่อนอยู่ รวมไปถึงขยายประเด็นการทุจริตในแวดวงต่างๆของรัฐบาลบราซิล
ขณะที่ด้านคนในบริษัท "เปโตรบราส" รัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานแห่งบราซิลได้ประกาศเตรียมหยุดงานประท้วง โดยได้ออกแถลงการณ์ระบุให้ นายเปโดร พาเรนต์ ประธานาของบริษัทลาออก เนื่องจากบรรดาคนงานระบุว่าเหตุที่น้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นเพราะนายพาเรนต์ ซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีมิเชล เทเมอร์
ที่มา : https://www.theguardian.com/world/
ภาพ : AP, AFP