posttoday

"คลื่นเสียงโจมตี" ปลุกมะกันผวาภัยลึกลับ

27 พฤษภาคม 2561

"คลื่นเสียงลึกลับ"หวนกลับมาสร้างความหวาดหวั่นให้บรรดานักการทูตสหรัฐในต่างแดนอีกครั้ง 

"คลื่นเสียงลึกลับ"หวนกลับมาสร้างความหวาดหวั่นให้บรรดานักการทูตสหรัฐในต่างแดนอีกครั้ง 

******************************

โดย...สุภีม ทองศรี, นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์

“คลื่นเสียง” หรือเสียงประหลาดลึกลับได้หวนกลับมาสร้างความหวาดหวั่นให้บรรดานักการทูตสหรัฐในต่างแดนอีกครั้ง หลังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสถานกงสุลสหรัฐในเมืองกว่างโจวของจีน มีอาการป่วยทางสมอง เนื่องจากได้ยินและรู้สึกถึงคลื่นเสียงประหลาด จนเกิดอาการวิงเวียน ปวดศีรษะ และไม่สามารถนอนหลับได้

จินนี ลี โฆษกสถานทูตสหรัฐในกรุงปักกิ่ง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวทำงานอยู่ในกว่างโจว และร้องเรียนว่ามีอาการป่วยทางกายหลายโรค ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2017 จนถึงเดือน เม.ย.ปีนี้

แม้ขณะนี้ยังไม่พบกรณีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันก็ตามในจีน แต่เหตุดังกล่าวส่งผลให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์เตือน “ระวังเสียงประหลาด” ตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน

“ขณะที่อยู่ในจีน หากคุณได้ยินเสียงแหลมสูง หรือสัมผัสปรากฏการณ์การได้ยินผิดปกติ จากเสียงประหลาดหรือเสียงบาดหู จงอย่าพยายามหาต้นเสียง แต่ให้ถอยห่างออกมาจากบริเวณที่ได้ยินเสียง” แถลงการณ์ส่วนหนึ่งจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุ

อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ที่ออกมาจากสหรัฐไม่ได้มีส่วนที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่สงสัยว่าทางการจีนเป็นฝ่ายใช้อาวุธลับโจมตี แต่ถ้ายังไม่มีการค้นพบสาเหตุของการป่วยที่แท้จริงได้ เรื่องนี้อาจกลายเป็นปมที่เพิ่มความขัดแย้งในขณะที่ปักกิ่งและวอชิงตัน กำลังงัดข้อกันเรื่องการค้า และการลงทุน อีกทั้งสหรัฐก็ไม่ไว้วางใจจีนในหลายด้าน

ย้อนรอยเสียงประหลาดคิวบา

ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ในจีนมีความ “คล้ายคลึงอย่างมาก” และ “สอดคล้อง” กับสิ่งที่นักการทูตสหรัฐประสบในคิวบา เมื่อเดือน พ.ย. 2016 โดยนักการทูตสหรัฐหลายรายในกรุงฮาวานา คิวบา ได้ยินเสียงประหลาดและมีอานุภาพรุนแรง จนทำให้ผู้ได้ยินเสียงดังกล่าวมีอาการป่วยหลากหลายอาการ เช่น ปวดหัววิงเวียนศีรษะและสูญเสียการได้ยิน

ทั้งนี้ คลื่นเสียงประหลาดในคิวบาทำให้ชาวอเมริกันป่วยทั้งหมด 24 คน โดยกลุ่มคนที่ป่วยส่วนใหญ่เป็นทูตและบางส่วนเป็นคู่สมรสของทูต

อย่างไรก็ตาม ถึงสหรัฐยังไม่สามารถยืนยันสาเหตุที่แท้จริงของเจ้าหน้าที่ ซึ่งป่วยจากคิวบา แต่ก็สงสัยว่ารัฐบาลคิวบาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หรืออย่างน้อยคิวบาก็ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ และเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือความรับผิดชอบของคิวบาถึงขั้นสั่งขับนักการทูตคิวบาอย่างน้อย 17 คน ออกนอกประเทศ ทำให้ความสัมพันธ์กับคิวบาในรัฐบาลของทรัมป์แย่ลงไปอีก ขณะที่รัฐบาลคิวบายืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาจากสหรัฐ

ด้านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า แม้กระทั่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับสาเหตุของอาการป่วย โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งเชื่อว่าการป่วยอาจมาจากอุปกรณ์คลื่นเสียงที่เป็นไปได้ว่าก่อเสียงประหลาดดังกล่าวทั้งแบบตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งเชื่อว่าอาการป่วยอาจเกิดขึ้นเพราะการสะกดจิต

แม้การใช้คลื่นเสียงโจมตีที่คิวบาเกิดขึ้นนานกว่า 1 ปีแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ฝ่ายสอบสวนของสหรัฐยังไม่เข้าใกล้การระบุสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์
ดังกล่าวได้เลย และสำหรับกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นในจีนนั้น ยิ่งแทบไม่สามารถหาแรงจูงใจของจีนที่จะมุ่งโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐ โดยเฉพาะการเกิดเหตุนี้ในเมืองกว่างโจว เมืองที่เน้นด้านธุรกิจ และอยู่ห่างจากกรุงปักกิ่งเกือบ 200 กิโลเมตร

"คลื่นเสียงโจมตี" ปลุกมะกันผวาภัยลึกลับ

คลื่นเสียงอันตราย?

ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า แม้แนวคิดเรื่องอาวุธเสียงปรากฏขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่จากที่ผ่านมา อาวุธคลื่นเสียงนั้นใช้ในการป้องกันศัตรู และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย

“คลื่นเสียงนั้นได้รับการโฆษณาว่าเป็นอาวุธที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย โดยใช้เพื่อหยุดยั้งฝ่ายตรงข้ามในทันที ขณะที่เลี่ยงการสร้างความเสียหายทางกายภาพแบบถาวร” เจอร์เกน อัลท์มานน์ นักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยดอร์ตมุนในเยอรมนี กล่าวพร้อมเสริมว่า เสียงที่สามารถสร้างความเสียหายให้ร่างกายมนุษย์ได้จะต้องมีความดังอย่างมาก แตกต่างจากเสียงเบาๆ ไม่ชัดเจน ที่บรรดานักการทูตสหรัฐในจีนและคิวบาได้ยิน

ก่อนหน้านี้ สหรัฐเองก็เคยใช้คลื่นเสียงมาก่อน เช่น การใช้อุปกรณ์ปล่อยคลื่นความถี่สูง (Long Range Acoustic Device : LRAD) ควบคุมฝูงชนในรัฐนิวออร์ลีนส์ หลังเกิดเฮอร์ริเคน แคทรินา เมื่อปี 2005 รวมถึงการใช้ป้องกันฝ่ายตรงข้ามโจมตีท่าเรือช่วงสงครามอิรักปี 2003

ภาพ เอเอฟพี