posttoday

5 ประเด็นที่ต้องจับตาหลังประชุมสุดยอดสองเกาหลี

27 เมษายน 2561

จับตาประเด็นสำคัญหลังประชุมสุดยอดผู้นำสองเกาหลี ที่บ่งชี้ว่าสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่

จับตาประเด็นสำคัญหลังประชุมสุดยอดผู้นำสองเกาหลี ที่บ่งชี้ว่าสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่

นับตั้งแต่ที่วินาทีประวัติศาสตร์ในการจับมือกันของนายคิมจองอึน และนายมุนแจอิน แล้วทั้งสองผู้นำพากันข้ามฝั่งมายังเกาหลีใต้ กลายเป็นภาพที่โลกหวังว่าการพบกันครั้งนี้จะเป็นนิมิตรหมายที่ดีของการนำสันติภาพมาสู่คาบสมุทรเกาหลี ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่นายมุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศมาโดยตลอด และผลลัพธ์ที่ต้องจับตามองหลังจากสิ้นสุดการประชุมในวันนี้มีประเด็นสำคัญอยู่ 5 ประเด็นที่สามารถบอกได้ว่าสันติภาพที่แท้จริงจะเกิดขึ้นในคาบสมุทธเกาหลีได้หรือไม่


 

5 ประเด็นที่ต้องจับตาหลังประชุมสุดยอดสองเกาหลี

 

 

 1. ทั้งสองเกาหลีจะทำข้อตกลงสันติภาพร่วมกันหรือไม่ โดยในประเด็นนี้เป็นที่จับตามองอย่างมากจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะจีนและสหรัฐ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายคิมจองอึนได้ประกาศยุติการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ พร้อมทั้งระงับการทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป นอกจากนี้ช่วงสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานจากสื่อของเกาหลีใต้ว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เตรียมประกาศสงบศึกเป็นการถาวร ในระหว่างการประชุมครั้งนี้ ซึ่งหากเป็นจริงจะนับได้ว่าเป็นการสิ้นสุดสงครามเกาหลีทีมีมานานนับทศวรรษอย่างเป็นทางการ

2. ท่าทีของสหรัฐหลังการประชุมจะเป็นอย่างไร เป็นที่ทราบกันว่าผู้นำสหรัฐมีกำหนดที่จะประชุมสุดยอดกับนายคิมจองอึนแบบตัวต่อตัว ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นอีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์ของคาบสมุทรเกาหลี แต่อย่างไรก็ดีผลลัพธ์หลังการประชุมของสองผู้นำเกาหลีในวันนี้ ทางสหรัฐจะปรับยุทธศาสตร์การเจรจากับผู้นำเกาหลีอย่างไร ขณะที่หลายฝ่ายมองว่านายทรัมป์นั้นมีท่าทีไม่แน่นอน ซึ่งก่อนหน้านี้นายทรัมป์ก็เคยกล่าวว่าหากทางสหรัฐไม่พอใจการเจรจา เขาพร้อมจะล้มโต๊ะการประชุมและเดินออกมาทันที ขณะที่ด้านนักวิเคราะห์ของฝ่ายเกาหลีใต้ระบุว่าทางรัฐบาลเกาหลีใต้ก็มียุทธวิธีในการชักจูงผู้นำสหรัฐอยู่แล้ว

แต่ถึงอย่างไรก็ดี ก็มีข้อกังวลของทางสหรัฐที่ว่าหากเกิดการลงนามสันติภาพดังกล่าวจริง ผลที่ตามมาคือการถอนทหารสหรัฐในเกาหลีใต้ที่มีอยู่ราว 30,000 นายออกจากคาบสมุทรเกาหลี

3. ผู้นำทั้งสองเกาหลีจะหารือในประเด็นอื่นๆนอกจากการปลดนิวเคลียร์หรือไม่ เช่นในประเด็นความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ หรือการจัดกิจกรรมวันรวมญาติที่ยกเลิกไปก่อนหน้านี้ช่วงปี 2015

4. ประเด็นอาวุธนิวเคลียร์ แน่นอนว่าหัวข้อหลักของการพูดคุยของสองเกาหลีในครั้งนี้คือเรื่องคลังอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ทางคิมจองอึนจะมีท่าทีอย่างไรหลังจากที่เคยประกาศแล้วว่าจะยุติการพัฒนานิวเคลียร์และการทดสอบ ICBM แต่ถึงอย่างไรก็ดีทั้งสหรัฐ และเกาหลีใต้ต่างก็มีบทเรียนว่าเกาหลีเหนือเคยบรรลุข้อตกลงปลดนิวเคลียร์ในช่วงยุคสมัยประธานาธิบดี 3 คนก่อนหน้าทรัมป์ แต่ก็ต่างต้องเผชิญความล้มเหลวมาแล้ว

5. ท่าทีและภาษากายของนายคิมจองอึน เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ทั้งสองผู้นำมาพบกันที่เส้นพรมแดน นายคิมได้สร้างเซอร์ไพร์สเล็กๆด้วยการพานายมุนแจอินข้ามไปยังฝั่งเหนือเพื่อถ่ายรูปร่วมกัน ก่อนที่ทั้งสองผู้นำจะจูงมือพากันข้ามมายังฝั่งใต้พร้อมกัน สร้างความประทับใจและเสียงปรบมือให้กับหลายฝ่าย ซึ่งนักวิเคราะห์ทางการเมืองมองว่า นายคิมก็มีความ "เก๋าเกมส์" อยู่ไม่น้อย เนื่องจากเขาต้องการให้การพบกันครั้งนี้เสมือนเป็น "แขกของกันและกัน"

 นอกจากนั้นนายคิมได้ลงนามในสมุดเยี่ยมมีใจความว่า "ประวัติศาสตร์หน้าใหม่เริ่มขึ้นแล้ว -  จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์และยุคของสันติภาพเริ่มต้นที่นี่" หลังจากนั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าไปในห้องประชุม นายคิมได้กล่าวติดตลกว่า "หวังว่าทุกคนจะชอบหมี่เย็นที่เราเอามาร่วมประชุมด้วย"  นี่นับเป็นท่าทีเชิงบวกของผู้นำเกาหลีเหนือที่สื่อออกมา ทำให้บรรยากาศการพบกันครั้งนี้ให้ชื่นมื่นกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้