posttoday

‘เฟด’ผวาฟองสบู่แบงก์จีน

25 ธันวาคม 2552

โพสต์ทูเดย์ —ธนาคารกลางสหรัฐรู้ตัว ใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำเสี่ยงเกิดภาวะฟองสบู่ครั้งใหม่ ด้านธนาคารจีนหลายแห่งต้องเร่งระดมทุนเพิ่มหลังปล่อยกู้ร้อนแรง

โพสต์ทูเดย์ —ธนาคารกลางสหรัฐรู้ตัว ใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำเสี่ยงเกิดภาวะฟองสบู่ครั้งใหม่ ด้านธนาคารจีนหลายแห่งต้องเร่งระดมทุนเพิ่มหลังปล่อยกู้ร้อนแรง

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมของเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายครั้งล่าสุดระหว่างวันที่ 34 พ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าเฟดเห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศจะไม่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยให้ปัญหาการว่างงานทุเลาลงได้ อีกทั้งนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้มาตรการดอกเบี้ยต่ำนั้นยังทำให้เกิดการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่อภาวะฟองสบู่ในตลาดครั้งใหม่ขึ้น

เฟด ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์นั้นได้นำไปสู่การลงทุนที่เสี่ยงในตลาดทุน และยังทำให้ทั้งผู้บริโภค นักลงทุน และนักธุรกิจวิตกกังวลต่อปัญหาเงินเฟ้อที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม เฟดก็ยังคงยืนยันที่จะคงอัตราดอกเบี้ยธนาคารไว้ที่ระดับต่ำที่ 002.5% ต่อไป เพื่อสร้างความมั่นใจให้ได้ว่าการฟื้นตัวจะเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งนักวิเคราะห์หลายสำนักต่างคาดการณ์ว่าเฟดจะใช้มาตรการดอกเบี้ยนี้ต่อเนื่องไปถึงปีหน้าทีเดียว

นอกจากนั้น ที่ประชุมของเฟดยังมีความเห็นด้วยว่า กว่าที่เศรษฐกิจของประเทศและตลาดแรงงานจะกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้งนั้นอาจจะใช้เวลานานถึง 56 ปีทีเดียว อีกทั้งเนื่องจากปัญหาการว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับรายได้ที่เติบโตช้าลง และการปล่อยเครดิตยังคงเป็นไปอย่างฝืดเคืองต่อไปอีกระยะหนึ่งนั้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังไม่กระเตื้อง

สำหรับการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจนั้น เฟดได้ปรับการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ว่า ในปีนี้ทั้งปีจะอยู่ที่ลบ 0.5% หรือไม่ก็อยู่ที่ 0% ดีขึ้นกว่าที่คาดเอาไว้ที่ติดลบ 0.61.6% ส่วนในปีหน้าคาดว่าการเติบโตจะอยู่ที่ 24% ดีขึ้นกว่าเดิมที่ 0.84%

วันเดียวกัน ธนาคารบีเอ็นพี ปาริบาส์ ของฝรั่งเศส และธนาคารซิตี้กรุ๊ป ของสหรัฐ ต่างออกรายงานสอดคล้องกัน ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ของจีนมีความจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มขึ้นหลายพันล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 23 ปีข้างหน้านี้ เนื่องจากธนาคารเหล่านี้ได้ปล่อยกู้ออกไปมากเกินไปทำให้ทุนร่อยหรอลง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงต่อหนี้เสียสูงอีกด้วย

รายงานทั้งสองฉบับ ระบุว่า ธนาคารต่างๆ ของจีนอาจจะต้องระดมทุนเพิ่มขึ้นถึง 4.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อคงสภาพคล่องของธนาคารเอาไว้ รายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่คณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารของจีน (ซีบีอาร์ซี) ได้ออกโรงเตือนเมื่อ 2 วันก่อนว่า อาจจะใช้มาตรการลงโทษกับธนาคารพาณิชย์แห่งใดก็ตามที่ล้มเหลว ไม่สามารถป้องกันปัญหาหนี้เสียได้ ซึ่งในขณะนี้รัฐบาลจีนเริ่มเล็งเห็นความเสี่ยงจากการที่ธนาคารปล่อยกู้มากเกินไปแล้ว

“จากการคาดการณ์ที่ว่า การเติบโตของการปล่อยกู้ และการขยายตัวของบัญชีงบดุลของธนาคารต่างๆ จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2009 และในปี 2010 นั้น ธนาคารจีนจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มเติมเพื่อให้มีทุนเพียงพอตามที่รัฐได้กำหนดสัดส่วนสำรองทุนเอาไว้” ดอร์ริส เฉิน นักวิเคราะห์ของบีเอ็นพี ปาริบาส์ สำนักงานเซี่ยงไฮ้ ระบุในรายงาน