พบมหาวิทยาลัยขนาดเล็กหลายของสหรัฐฯแห่งปิดตัว
ผลสำรวจพบว่าสถาบันอุดมศึกษาขนาดเล็กหลายแห่งในสหรัฐฯทยอยปิดตัว เหตุนักศึกษาไม่มีเงินเรียนและไม่เปิดหลักสูตรแปลกใหม่เพื่อดึงดูดผู้เรียน
ผลสำรวจพบว่าสถาบันอุดมศึกษาขนาดเล็กหลายแห่งในสหรัฐฯทยอยปิดตัว เหตุนักศึกษาไม่มีเงินเรียนและไม่เปิดหลักสูตรแปลกใหม่เพื่อดึงดูดผู้เรียน
วีโอเอ - จากการทำผลสำรวจของบริษัทแกลลัพ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยการตลาดและให้คำปรึกษาด้านการจัดการเผยผลสำรวจจากบรรดาผู้บริหารมหาวิทยาลัยในสหรัฐกว่า 400 แห่งระบุว่า หลายคนเห็นด้วยจากรายงานข่าวที่ว่าสถาบันอุดมศึกษาในสหรัฐหลายแห่งต่างปิดตัวลง เนื่องจากเผชิญปัญหาด้านการเงิน
โดยก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้วมีรายงานว่ามหาวิทยาลัยขนาดเล็กหลายแห่งในสหรัฐตัดสินใจปิดตัวเช่น มหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จ ในรัฐโอคลาโฮมา, วิทยาลัยศิลปะเมมฟิส และมหาวิทยาลัยเกรซ ในรัฐเนแบรสก้า เป็นต้น
นางวาเลลี่ย์ คาลเดรอน นักวิจัยจากแกลลัพ ระบุว่า จากรายงานข่าวที่ว่าสถาบันการศึกษาหลายแห่งในสหรัฐกำลังประสบปัญหาทางการเงิน อาจมีเหตุผลมาจากการที่คนอเมริกันจำนวนมากไม่มีเงินพอที่จะเรียนมหาวิทยาลัย
สอดคล้องกับที่ National Student Clearinghouse ซึ่งเป็นหน่วยงานให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนแก่นักศึกษา ระบุว่าจำนวนนักศึกษาที่ลงเรียนในสถาบันอุดมศึกษาลดลงราว 1.5 เปอร์เซ็นต์นับจากปีที่แล้ว อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาในสหรัฐฯระบุว่า ค่าเล่าเรียนในสถาบันระดับอุดมศึกษาสูงขึ้นมากในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา
โดยพบว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากบริการของมหาวิทยาลัยที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรียนการสอน นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยต้องแบกรับภาระการดำเนินมาตรการป้องกันเหตุล่วงละเมิดทางเพศจากกฎของรัฐบาลที่มีขึ้นมาเมื่อสามปีก่อน
ส่งผลให้สถาบันบางแห่งที่ไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายได้ต้องปิดตัวลง ประกอบกับปัจจุบันนักศึกษาร้อยละ 80 เลือกเรียนวิทยาลัยใกล้บ้าน หลายคนจึงขาดแรงจูงใจที่จะเรียนมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรี
ขณะที่ริชาร์ด เอ็คมาน จากสภามหาวิทยาลัยอิสระ (Council of Independent Colleges) ระบุว่าส่วนตัวเขาไม่เห็นด้วยที่กับวิกฤตการปิดวิทยาลัยเนื่องจากวิทยาลัยขนาดเล็กส่วนมาก จะถูกซื้อหรือควบรวมกิจการโดยสถาบันที่ใหญ่กว่า
นอกจากนี้เขายังยกตัวอย่างของวิทยาลัยขนาดเล็กที่ปรับตัวเปิดสอนหลักสูตรใหม่ๆ เพื่อดึงดูดนักศึกษา เช่นบางวิทยาลัยเปิดสอนหลักสูตรการผลิตเบียร์ เป็นต้น