จีนแก้รัฐธรรมนูญเปิดทาง "สีจิ้นผิง" นั่งประธานาธิบดียาว
คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีมติแก้รัฐธรรมนูญเปิดทางให้ "สีจิ้นผิง" อยู่ยาวสางปัญหาเรื้อรังของชาติ
คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีมติแก้รัฐธรรมนูญเปิดทางให้ "สีจิ้นผิง" อยู่ยาวสางปัญหาเรื้อรังของชาติ
นับเป็นความเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำดินแดนมังกรเลยก็ว่าได้ ทั้งยังจะส่งผลสะเทือนต่อแนวโน้มการเมืองโลกอย่างหนักหน่วง เมื่อคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นคณะผู้บริหารประเทศได้มีมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยละประโยคที่ว่า "ประมุขของประเทศจะดำรงตำแหน่งเกินวาระ 2 ปีมิได้" ออกไป เท่ากับเป็นการเปิดทางให้ สีจิ้นผิง สามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไปนานเท่าไหร่ก็ได้ เท่าที่สภาประชาชนยังไว้วางใจในตัวเขา
แต่เดิมนั้น รัฐธรรมนูญของจีนกำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 สมัย วาระละ 5 ปี ในเวลานี้ สีจิ้นผิงเริ่มรับตำแหน่งครั้งแรกในปี 2013 และได้รับความไว้วางใจในการประชุมใหญ่สภาประชาชนปีที่แล้วให้อยู่ต่อในสมัยที่ 2 ซึ่งจะสิ้นสุดหน้าที่ในปี 2023
ขณะที่ ตำแหน่งประธานาธิบดีจีนเป็นประมุขแต่ในนาม โดยมีอำนาจจำกัดและมีสถานะเหมือนกับเป็นประธานของคณะกรรมการกลาง ตำแหน่งนี้เคยถูกยกเลิกมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 1975 หลังการปฏิวัติวัฒนธรรม แต่ริเริ่มอีกครั้งในปี 1982 มากกว่าตำแหน่งที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ
อย่างไรก็ตาม หลังจากปี 1993 ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเริ่มทรงอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบัน ตำแหน่งประธานาธิบดีจีนมีอำนาจแต่งตั้งรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด สามารถประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน สามารถสั่งระดมพลทั่วประเทศ แม้ว่าการตัดสินใจเหล่านั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาประชาชนก่อนก็ตาม แต่นับวันสีจิ้นผิงเริ่มมีอิทธิพลเหนือสภาประชาชนและคณะกรรมการพรรคมากขึ้นทุกขณะ
คำถามสำคัญในเวลานี้คือ เหตุใดจีนจึงกล้าเปลี่ยนรัฐธรรมนูญเพื่อสีจิ้นผิง? ในการประชุมสมัชชาใหญ่เมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว ได้มีการส่งสัญญาณอย่างชัดเจน โดยสภาได้ยกสถานะของสีจิ้นผิงขึ้นมาเทียบเท่ากับ เหมาเจ๋อตง และเติ้งเสี่ยวผิง อดีตผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และยกย่องนโยบายของสีจิ้นผิงให้เป็นแนวทางหลักของชาติ
การเปิดโอกาสให้สีจิ้นผิง "อยู่ยาว" อาจเป็นการให้โอกาสกับพรรคคอมมิวนิสต์ในการสะสางปัญหาของชาติที่เรื้อรังมานาน เช่น การคอร์รัปชั่น ซึ่งสีจิ้นผิงทำการกวาดล้างอย่างหนักหน่วงจนปัญหาซาลง อีกทั้งจีนยังต้องการผู้นำที่ทำหน้าที่ต่อเนื่องในการยับยั้งระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้และฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์
สีจิ้นผิงยังไม่แสดงท่าทีว่าจะเลือกใครเป็นทายาททางการเมือง ซึ่งผิดกับผู้นำคนก่อนๆ ที่มักจะวางตัวแทนไว้เนิ่นๆ อีกทั้งเขายังมีแนวโน้มที่จะเลือกผู้ช่วยมากกว่าตัวแทนในอนาคต บ่งชี้ว่าสีจิ้นผิงอาจต้องอยู่ในตำแหน่งนานกว่า 2 สมัยแน่นอน เพียงแต่วงการการเมืองจีนก็มีการชิงอำนาจเหมือนที่อื่นๆ การยื้อเก้าอี้ผู้นำนานเกินไปอาจสร้างวิกฤตการณ์การเมืองภายในอนาคตขึ้นมาได้เช่นกัน
ภาพ เอเอฟพี