posttoday

ทำเนียบขาวเผยผลตรวจสุขภาพทรัมป์

13 มกราคม 2561

เผยผลตรวจสุขภาพทรัมป์ "ดีเยี่ยม" แม้ชอบทานฟาสต์ฟู้ด

เผยผลตรวจสุขภาพทรัมป์ "ดีเยี่ยม" แม้ชอบทานฟาสต์ฟู้ด

สื่อสหรัฐรายงานผลการตรวจสุขภาพประจำปีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐวัย 71 ปีว่ามีสุขภาพดีเยี่ยม โดยนายแพทย์รอนนี่ แจ็กสัน แพทย์ประจำศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอเตอร์รีดซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ตรวจสุขภาพผู้นำสหรัฐรายนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเขากล่าวว่า สุขภาพของนายทรัมป์มีผลอยู่ในเกณฑ์ "ดีเยี่ยม"

โดยผลตรวจสุขภาพครั้งนี้ครอบคลุมถึงส่วนสูง น้ำหนัก ดัชนีมวลรวมร่างกาย ชีพจรขณะพัก ความดันโลหิต และการวัดค่าปริมาณออกซิเจนในเลือด นอกจากนี้ยังตรวจหัวใจ ปอด การมองเห็น คอเลสเตอรอล น้ำตาลในเลือดอย่างละเอียด ตรวจระบบประสาท และมีบันทึกประวัติสุขภาพ การผ่าตัด และการรักษาในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้นายทรัมป์เคยกล่าวติดตลกไว้ว่า เชื่อว่าผลตรวจจะออกมาดีถ้าไม่ดีคงแปลกใจ ไม่เช่นนั้น "ตลาดหุ้น" จะไม่พอใจ ทั้งนี้ผลการตรวจสุขภาพดังกล่าวไม่ได้ครอบคลุมถึงการตรวจสุขภาพจิตของทรัมป์ตามที่มีกระแสข่าวสงสัยว่า สุขภาพจิตของเขาเหมาะสมเป็นผู้นำประเทศหรือไม่ ซึ่งโฆษกของผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า "เขาเป็นคนหลักแหลมดังปลายเข็มหมุด" และปธน.ทรัมป์ เคยโพสต์บนทวิตเตอร์ โดยเรียกตัวเองว่า "อัจฉริยะผู้มีความมั่นคงทางอารมณ์สูง"

 

ทำเนียบขาวเผยผลตรวจสุขภาพทรัมป์

 

 ขณะที่บีบีซีรายงานว่า นายทรัมป์เป็นผู้ชื่นชอบการทานอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่างที่สุด โดยนายคอรีย์ เลแวนโดว์สกี อดีตผู้จัดการทีมหาเสียง ระบุในหนังสือของเขาว่า ทรัมป์มักจะชอบรับประทาน แมคโดนัลด์ ไก่ทอด พิซซ่า และไดเอทโค้ก เป็นประจำซึ่งรวมกันแล้วคิดเป็น 2,430 แคลอรี แต่ปริมาณพลังงานที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับผู้ชายอยู่ที่ 2,500 แคลอรี

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังไม่เชื่อเรื่องการออกกำลังกาย แม้ว่าเขาจะชื่นชอบการเล่นกอล์ฟเป็นพิเศษ ซึ่งแหล่งข่าวหนึ่งระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ เชื่อว่าร่างกายมนุษย์ "เปรียบเสมือนแบตเตอรี ที่มีพลังงานจำกัด ซึ่งการออกกำลังจะทำให้พลังงานหมดลง"

โดยเมื่อเดือนกันยายนปี 2016 หรีอก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสองเดือน มีการเผยผลประวัติสุขภาพของทรัมป์ว่ามีระดับคอเลสเตอรอลอยู่ที่ 169 ซึ่งยังถือว่าเป็นไปตามเกณฑ์ที่ "น่าพอใจ"

อย่างไรก็ดีมีนักโภชนาการออกมาเตือนว่าผู้นำสหรัฐในวัย 71 ปีควรให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารและการออกกำลังกายให้มากกว่านี้ โดยระบุว่า แม้นายทรัมป์จะไม่ใช่คนที่สูบบุหรี่ แต่การออกกำลังกายก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรมองข้าม เพราะการไม่เคลื่อนไหวร่างกาย นับว่าเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคหัวใจได้มากพอ ๆ กับการสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามโดยผู้ที่ไม่ออกกำลังกายมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจถึงสองเท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ