หนี้ท่วมโลกพุ่งทุบสถิติ

โลกแบกหนี้ท่วมกว่า 7,100 ล้านล้าน เตือนยิ่งทำธนาคารกลางเร่งขึ้นดอกเบี้ยคุมยาก

สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (ไอไอเอฟ) เปิดเผยว่า ปริมาณหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงหนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ หนี้ในภาคการเงิน และหนี้ภาคเอกชน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 512 ล้านล้านบาท) ในช่วงไตรมาส 3 เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณหนี้โลกรวมทั้งหมดอยู่ที่ 223 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 7,136 ล้านล้านบาท) ซึ่งมากที่สุดทำสถิติใหม่

นอกจากนี้ หนี้ภาคเอกชนซึ่งไม่ใช่สถาบันการเงินในหลายประเทศ ทั้งแคนาดา ฝรั่งเศส ฮ่องกง เกาหลีใต้ สวิตเซอร์แลนด์ และตุรกี ยังสูงทำสถิติใหม่อีกด้วย โดยในปีนี้ตราสารหนี้ในสกุลดอลลาร์ราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 48 ล้านล้านบาท) ของหลายประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ และบราซิล จะถึงกำหนดไถ่ถอนภายในสิ้นปี 2018

ในส่วนของตลาดเกิดใหม่นั้น จีนยังคงเป็นผู้ก่อหนี้มากที่สุด แต่การสร้างหนี้ใหม่ของจีนเริ่มชะลอตัวลงในปี 2560 ที่ผ่านมา โดยปรับขึ้นเพียง 2% เป็น 294% ของขนาดเศรษฐกิจจีน เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นปีละ 17% ในช่วงระหว่างปี 2555-2559 ท่ามกลางความพยายามควบคุมปริมาณหนี้ท่วมเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน

ขณะเดียวกัน บรรดานักวิเคราะห์ของไอไอเอฟ ระบุว่า การก่อหนี้ใหม่ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในหลายประเทศ ทั่วโลก เช่น สหรัฐ โดยปริมาณหนี้มหาศาลอาจทำให้ธนาคารกลางต้องชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไป เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูงจะทำให้เอกชนและรัฐบาลชำระหนี้ยากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า การใช้นโยบายการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณหนี้ในหลายประเทศปรับเพิ่มขึ้น เช่น หนี้ครัวเรือนในเกาหลีใต้ที่ขึ้นไปถึง 150% ของรายได้หลังหักภาษี ขณะที่ของออสเตรเลียอยู่ที่ 194% ส่วนหนี้ภาคเอกชนของจีนอยู่ที่ราว 160% ของขนาดเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ สัดส่วนปริมาณหนี้เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจปรับตัวลดลงติดต่อกัน 4 ไตรมาสนับถึงไตรมาส 3 ปีก่อน โดยอยู่ที่ 318% ของขนาดเศรษฐกิจโลก ซึ่งต่ำกว่าสถิติสูงสุดของไตรมาส 3 ในปี 2559 ราว 3% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกขยายตัวเร็วกว่าการก่อหนี้ใหม่