โลกหนีดอลลาร์ขาลง! ค่าเงินอ่อนต่ำสุดในรอบ14ปี

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 14 ปี แบงก์ชาติทั่วโลกแห่กระจายความเสี่ยงลดถือครองลง

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า สัดส่วนการใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นทุนสำรองของทั่วโลกนั้น ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 2014 เป็นต้นมา เนื่องจากหลายประเทศกระจายความเสี่ยงไปยังค่าเงินยูโรและค่าเงินหยวนของจีนมากขึ้น สัดส่วนเงินดอลลาร์ในฐานะทุนสำรองยังลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาส 3 ติดต่อกัน แม้ว่าจะยังอยู่ในฐานะเบอร์ 1 เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นอยู่ก็ตาม

ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ทุนสำรองทั่วโลกในรูปเงินดอลลาร์ ณ สิ้นไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 6.13 ล้านล้านดอลลาร์ (เกือบ 200 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วน 63.5% ของทุนสำรองทั้งหมด นับว่าเป็นสัดส่วนที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่สิ้นไตรมาส 2 ปี 2014 อยู่ที่ 4.49 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 146 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วน 63.05%

ด้านสัดส่วนของเงินยูโรนั้นขึ้นมาอยู่ที่ 20% หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 19.9% ในไตรมาสแรก โดยเงินยูโรเคยทำสถิติสูงสุดเมื่อปี 2009 ที่ 28% ขณะที่เงินหยวนปรับขึ้นเป็น 1.12% จาก 1.08% ในไตรมาสก่อนหน้า

ไอเอ็มเอฟ ระบุด้วยว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศทั่วโลกปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 11.297 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 367 ล้านล้านบาท) หรือสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2015

ทั้งนี้ รอยเตอร์ส ระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์ปิดตลาดเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. อ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ในตะกร้าสกุลเงินหลัก ทำให้ตลอดทั้งปี 2017 เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปเกือบแตะระดับ 10% หรืออ่อนค่าลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา

ทิศทางดังกล่าวสวนทางกับช่วงเปิดตลาดปี 2017 ซึ่งดอลลาร์อยู่ในระดับแข็งค่าสุดในรอบ 14 ปี เมื่อเทียบ 6 สกุลเงินหลัก เนื่องจากการคาดการณ์ว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะดำเนินนโยบายที่เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจและจะทำให้เงินเฟ้อขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ด้านค่าเงินยูโรปิดตลาดวันที่ 29 ธ.ค.แข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือน เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ตลอดทั้งปีนี้แข็งค่าไปแล้วเกือบ 14% หรือมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2003