รวบชายวัย59ท่อน้ำเลี้ยงโสมแดงกบดานในออสซี่

ตำรวจออสเตรเลียจับชายวัย 59 เป็นเอเยนต์ติดต่อซื้อขายสินค้าเพื่อนำเงินส่งเกาหลีเหนือหลังมากบดานในประเทศ

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจรัฐบาลกลางออสเตรเลียได้จับกุมตัวชายวัย 59 ชาวนครซิดนีย์ ในข้อหาต้องสงสัยว่าเป็นเอเยนต์คนกลางซื้อขายและติดต่อนำสินค้าจากเกาหลีเหนือ เพื่อใช้เป็นทุนรอนในการพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูง ที่เกาหลีเหนือพยายามที่จะมีไว้ครอบครอง จนเป็นชนวนของวิกฤตการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศในขณะนี้

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวเป็นชาวเกาหลีเหนือที่ได้รับสัญชาติออสเตรเลีย มีชื่อว่า ชานฮันชอย ซึ่งพำนักอยู่ในออสเตรเลียมานานราว 30 ปี ถูกจับได้ที่บ้านพักในย่านอีสต์วูด ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซิดนีย์ หลังจากถูกตำรวจจับตามานานหลายเดือน ในเบื้องต้นถูกตั้งข้อหา 6 กระทง หนึ่งในนั้นคือการละเมิดกฎหมายว่าด้วยการจำกัดการแพร่หลายของอาวุธทำลายล้างสูง รวมถึงการละเมิดมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของสหประชาชาติ แต่คาดว่าชอยอาจจะจถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติมอีก

ตำรวจพบหลักฐานว่าบุคคลนี้พยายามที่จะเป็นตัวกลางติดต่อขายถ่านหินของเกาหลีเหนือให้กับบางคนบางกลุ่มในอินโดนีเซียและเวียดนาม ซึ่งก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือมีจีนเป็นลูกค้าถ่านหินรายใหญ่ที่สุด และเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของประเทศ แต่ในภายหลังจีนยุติการค้าถ่านหินกับเกาหลีเหนือ เพื่อปฏิบัติตามมติคว่ำบาตรของสหประชาชาติ ในอันที่จะตัดท่อน้ำเลี้ยงการพัฒนาอาวุธร้ายแรง

นอกจากนี้ ตำรวจออสเตรเลียยังพบว่า ชอยยังพยายามที่จะเป็นนายหน้าขายชิ้นส่วนสำหรับนำวิถีขีปนาวุธ รวมถึงจัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคจากเกาหลีใต้ เพื่อ “ขาย” ให้กับบางกลุ่มบางเหล่าในประเทศต่างๆ แต่ทางสำนักงานตำรวจรัฐบาลกลางออสเตรเลียไม่ได้เปิดเผยว่า ผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าของธุรกิจมืดดังกล่าวเป็นใครบ้าง ระบุเพียงแค่ว่า ไม่มีรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่รัฐของประเทศใดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

หากชอยสามารถติดต่อซื้อขายได้สำเร็จ จะสามารถทำเงินให้กับเกาหลีเหนือได้หลายสิบล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในเบื้องต้นไม่พบว่ามีการนำอาวุธเข้ามาติดต่อซื้อขายกันในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งทางตำรวจระบุว่า ชอยเป็นสายลับที่ภักดีต่อเกาหลีเหนืออย่างมาก และที่ทำงานนี้ก็เพราะความรักชาติอย่างแรงกล้า พร้อมที่จะทำทุกวิถีทางและขายทุกอย่างเพื่อนำมาเงินมาป้อนให้กับเกาหลีเหนือ ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็ได้รับสัญชาติออสเตรเลียแล้วก็ตาม

ภาพ เอเอฟพี