พรรคขวาจัดเยอรมนีตบเท้าเข้าสภาครั้งแรก

ผลการเลือกตั้งในเยอรมนีสะท้อนถึงการสนับสนุนพรรคขวาจัดอย่างไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่ยุคนาซี

ผลการเลือกตั้งทั่วไปของเยอรมนีไม่พลิกโผ แต่มีเรื่องเหนือความคาดหมาย เมื่อนายกรัฐมนตรี แองเกลา แมร์เกิล ของเยอรมนี ยังรักษาตำแหน่งผู้นำประเทศได้เป็นสมัยที่ 4 ตามความคาดหมาย แม้จะมีคะแนนสนับสนุนลดลง แต่เรื่องที่เหนือความคาดหมายก็คือ พรรคขวาจัดตบเท้าเข้าสภาครั้งแรกท่ามกลางความตกตะลึงของชาวเยอรมันเป็นจำนวนมาก ที่กังวลกับกระแสชาตินิยมเหยียดเชื้อชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้น จนเป็นปัจจัยให้พรรคขวาจัดมีที่นั่งในสภาครั้งแรก นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

จากผลการเลือกตั้งล่าสุด พบว่าพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน หรือ CDU ของแมร์เกิล และพรรคสหภาพสังคมคริสเตียน หรือ CSU ซึ่งเป็นพรรคพี่พรรคน้องกัน มีคะแนนเสียงรวมกัน 33% ลดลงจาก 41.5% ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2013 กวาดที่นั่งในสภา 246 เสียง จากทั้งหมด 709 ที่นั่ง ด้านพรรคสังคมประชาธิปไตย หรือ SPD ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ประสบชะตากรรมคะแนนลดเช่นกัน โดยได้ไป 21.6% 153 ที่นั่ง

แต่สิ่งที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมืองเยอรมนีคือ การที่พรรคฝ่ายขวาจัดอย่างพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี หรือ AfD ได้ที่นั่งในสภาเป็นครั้งแรกในรอบ 56 ปี กลายเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงมากเป็นอันดับ 3 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ หลังจากชูนโยบายหาเสียงที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายต้อนรับผู้อพยพของผู้นำหญิง

 การที่พรรคฝ่ายขวาผงาดขึ้นมาเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 60 ปี ขณะที่พรรคสายกลางมีคะแนนตกต่ำที่สุดในรอบ 68 ปี สะท้อนให้เห็นถึงกระแสต่อต้านชาวมุสลิมที่รุนแรงขึ้น รวมถึงความไม่พอใจของชาวเยอรมันจำนวนไม่น้อยต่อนโยบายของแมร์เกิล ที่เป็นการนำภาษีของประชาชนไปทุ่มให้กับผู้อพยพ

อย่างไรก็ดี หลังทราบผลว่าพรรคฝ่ายขวาได้ที่นั่งในสภา ชาวเยอรมันจำนวนหนึ่งรวมตัวประท้วงหน้าที่ทำการของพรรค AfD ในกรุงเบอร์ลิน รวมทั้งในเมืองแฟรงก์เฟิร์ตและโคโลญ โดยชูป้ายข้อความว่า "ยินดีต้อนรับผู้อพยพ"

ทั้งนี้ พรรค AfD มีอุดมการณ์ชาตินิยมสุดโต่ง ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2013 ในช่วงที่บางประเทศในสหภาพยุโรปกำลังประสบปัญหาทางการเงิน โดยเริ่มจากการต่อต้านสหภาพยุโรปและค่อยๆ เปลี่ยนแนวมาต่อต้านผู้อพยพและชาวมุสลิม ในช่วงที่เยอรมนีต้องแบกรับผู้อพยพจำนวนมหาศาลจากตะวันออกกลาง และค่อยๆ ได้รับความนิยมเรื่อยมา

นับตั้งแต่ก่อตั้งพรรค พรรคให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูอำนาจอธิปไตยและความภาคภูมิใจในความเป็นเยอรมัน โดยเฉพาะการปฏิเสธวัฒนธรรมของชาวเยอรมันที่มักจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงนาซี หรือ อดอล์ฟ ฮิตเตอร์ ผู้นำพรรคนาซี นอกจากนี้ ยังคัดค้านการนำเงินภาษีของชาวเยอรมันไปช่วยค้ำจุนสภาพคล่องของกรีซและโปรตุเกสที่ประสบปัญหาทางการเงิน และหนุนให้เยอรมนีใช้เงินสกุลมาร์กเยอรมนีแทนเงินยูโร

 ในการเลือกตั้งท้องถิ่นของเยอรมนีเมื่อปีที่แล้ว พรรคอนุรักษนิยมของแมร์เกิลพ่ายแพ้ให้กับพรรค AfD อย่างราบคาบใน 3 รัฐ ได้แก่ รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก รัฐแซกโซนี-อันฮัลต์ และรัฐไรน์แลนด์-พาลาทิเนต ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นการพิพากษานโยบายรับผู้อพยพของแมร์เกิล

นับจากนี้แมร์เกิลอาจจะก่อตั้งรัฐบาลด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเหลือทางเลือกไม่มาก เพราะพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง SPD ประกาศถอนตัวไม่ร่วมรัฐบาลโดยพร้อมเป็นฝ่ายค้านแล้ว หลังจากคะแนนเลือกตั้งลดลงเป็นประวัติการ และทุกพรรคประกาศไม่ร่วมงานกับพรรคฝ่ายขวาจัดอย่างชัดเจน ทางเลือกที่เป็นไปได้คือ การจับมือกับอีกสองพรรค ได้แก่ พรรคเสรีประชาธิปไตย (FDP) และพรรคกรีน เพื่อให้ได้คะแนนเสียงเกิน 50% ในการจัดตั้งรัฐบาล

ที่มา : M2FNews