ตลาดทุนโลกยังแกร่ง เมินโสมแดงยิงมิสไซล์

หุ้นสหรัฐทำนิวไฮรอบใหม่ ไม่สะเทือนภัยเกาหลีเหนือ ตลาดจับตาประชุมเฟดสัปดาห์นี้

รอยเตอร์สรายงานว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐซึ่งปิดตลาดทำนิวไฮเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มโทรคมนาคม ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ กรณีเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่ส่งผลกระทบต่อตลาด โดยนักลงทุนหันไปจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 19-20 ก.ย.นี้แทน

เมื่อคืนวันที่ 15 ก.ย. ดัชนีดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮรอบใหม่ โดยปรับขึ้น 64.86 จุด ไปปิดที่ 22,268.34 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับขึ้น 0.18% ปิดที่ 2,500.23 จุด ซึ่งปิดเหนือระดับ 2,500 จุดครั้งแรก ด้านดัชนีแนสแด็กเคลื่อนไหวแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ระหว่างการซื้อขาย ก่อนปิดตลาดปรับตัวขึ้น 0.3%

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 2.16% สูงสุดในรอบสัปดาห์นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. เช่นเดียวกับดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็กที่ปรับขึ้นมา 1.58% และ 1.39% ตามลำดับ

นอกจากตลาดหุ้นสหรัฐแล้ว ดัชนีเอ็มเอสซีไอ เวิลด์ อินเด็กซ์ ที่วัดความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นใน 47 ประเทศ ปรับขึ้น 0.11% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้านดัชนีนิกเกอิ 225 ปิดบวก 0.5% และปรับตัวขึ้นมากว่า 3% ในรอบสัปดาห์นี้

ราฮูล ชาห์ ผู้บริหารบริษัทจัดการกองทุนไอดีล แอสเซต แมเนจเมนต์ ในสหรัฐ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ เนื่องจากเอกชนหลายแห่งมีผลประกอบการแข็งแกร่ง โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยี

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงจากกรณีเกาหลี เหนือคาดว่าไม่ส่งผลกระทบใดๆ โดยชาห์มองว่าการกระทำของเกาหลีเหนือเป็นเพียงการยั่วยุเท่านั้น ซึ่งล่าสุดเกาหลีเหนือเปิดเผยว่าจะเร่งพัฒนานิวเคลียร์ให้แข็งแกร่งทัดเทียมสหรัฐ แม้จะโดนโลกคว่ำบาตร

ด้านนักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า เฟดจะประกาศลดขนาดงบดุลในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. แม้ว่าเฟดไม่มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ที่พุ่งขึ้น 1.9% ในเดือน ส.ค. และเกือบถึงเป้าหมายของเฟดที่ 2% เพิ่มความเป็นไปได้ว่าเฟดจะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้ โดย ซีเอ็มอี กรุ๊ป เฟด วอตช์ ระบุว่า ความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. อยู่ที่ 52.9%

นักวิเคราะห์ยังมองว่ายอดค้าปลีกสหรัฐและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลง 0.2% และ 0.9% เป็นผลกระทบชั่วคราวที่เกิดขึ้นจากเฮอริเคนฮาร์วี่ย์

ภาพ...เอเอฟพี