posttoday

ทางรถไฟสายเรียนรู้

16 กันยายน 2560

จากรถไฟโทมัส ตัวการ์ตูนซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเด็กผู้ชายกลายมาเป็นทริปเดินทางแสนสนุกในแบบครอบครัวของ นพรัตน์ เต็มสินผดุง

โดย กั๊ตจัง

 จากรถไฟโทมัส ตัวการ์ตูนซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเด็กผู้ชายกลายมาเป็นทริปเดินทางแสนสนุกในแบบครอบครัวของ นพรัตน์ เต็มสินผดุง ที่พาเด็กๆ น้องมะตูม วัย 3 ขวบ 7 เดือน (ด.ช.เป็นไท รัตนผลิน) กับน้องมิลตั้น วัย 1 ขวบ 11 เดือน (ด.ช.แทนไท รัตนผลิน) และคุณพ่อ ศิริพงษ์ รัตนผลิน เลือกเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-แม่กลอง ให้เด็กเปิดประสบการณ์ นั่งรถไฟเที่ยวครั้งแรกในชีวิต

ทางรถไฟสายเรียนรู้

 นพรัตน์ เล่าว่า โดยปกติแล้วจะพาเด็กๆ ไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ เช่นที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ดูสัตว์ซาฟารีเวิลด์ หรือดูปลาที่สยามโอเชี่ยนเวิรล์ ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ผ่านกิจกรรม พาไปเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ แต่พยายามพาไปให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้งเป็นอย่างต่ำ

 “สถานที่ที่จะไป เราจะหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก่อนว่ามีอะไรที่ต้องดูเมื่อถึงสถานที่นั้นบ้าง มีความเหมาะสมกับลูกของเราแค่ไหน เพราะว่าลูกคนโตตอนนี้ก็เข้าเรียนในระดับอนุบาล เขาก็ออกนอกบ้านเป็นประจำ ส่วนคนเล็กกำลังจะเข้า 2 ขวบ ก็จะอยู่บ้านทั้งวันไม่ค่อยได้ออกไปไหน ดังนั้นเมื่อวันเสาร์ที่เราอยู่พร้อมหน้ากันก็อยากจะพาครอบครัวไปเที่ยวด้วยกัน ให้ทั้งคู่ได้เปิดโลกเปิดหูเปิดตา

ทางรถไฟสายเรียนรู้

 “ทริปล่าสุดที่เราไปแล้วรู้สึกว่าลูกๆ ชอบมาก โดยเฉพาะคนโตก็คือการพาลูกนั่งรถไฟไปเที่ยวแม่กลอง เพราะว่าคนโตชอบรถไฟโทมัส เราก็เลยอยากจะให้เขาลองนั่งรถไฟจริงๆ ให้เขาได้เห็นสัมผัสกับรถไฟ เวลานั่งรถไฟจะผ่านหลายสถานที่ซึ่งแตกต่างจากการนั่งรถไฟใต้ดิน นั่งรถไฟฟ้า หรือว่านั่งรถยนต์ในเมือง"

 ลูกก็จะได้เห็นธรรมชาติโดยรอบข้าง เรียนรู้วิถีชีวิตผู้คน เสียงรถไฟ นพรัตน์ชื่นใจที่ลูกทั้งสองคนได้สัมผัสบรรยากาศการนั่งภายในรถไฟจริงๆ จากที่ลูกเล่นบทบาทกับของเล่นเป็นรถไฟโทมัส เขาก็จะได้สัมผัสกับรถไฟจริงๆ ว่านั่งแล้วมีความรู้สึกอย่างไร ซึ่งการนั่งรถไฟก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้เห็นเด็กๆ รู้สึกตื่นเต้นดีใจ

ทางรถไฟสายเรียนรู้

 “พอถึงแม่กลองก็พาเด็กๆ เที่ยวชมตลาด ดูร้านค้าร้านขายอาหารทะเล และดูวิถีชีวิตชุมชนของชาวแม่กลองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เวลาที่จะไปเที่ยวอะไรก็ตาม แม้ว่าเราจะพยายามนำเสนอในสิ่งที่คิดว่าลูกน่าจะสนใจ ซึ่งลูกอาจจะสนใจในสิ่งที่เรากำลังบอกอยู่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับเขาว่าเขาสนใจอะไรก็ต้องปล่อยให้เขาใช้เวลาอยู่ตรงนั้นนานขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตก็คือลูกเรียนรู้จากสิ่งรอบข้างว่าเขาควรจะวางตัวยังไง ในเวลาที่อยู่กับผู้คนหมู่มาก และมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้เที่ยวกันพร้อมหน้า

 นพรัตน์ บอกว่า ตัวเธอและพ่อของเด็กๆ พยายามให้ความสำคัญกับการใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด เพราะว่าใน 1 สัปดาห์เรามีเวลาอยู่ด้วยกันเต็มที่ก็มีเพียงแค่วันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น

 "เราจึงพยายามใช้ช่วงเวลาที่มีอยู่ ทำกิจกรรมร่วมกันข้างนอกเป็นการสานสัมพันธ์กับครอบครัว เรียนรู้และพูดคุยกันให้มากผ่านการเล่นกิจกรรมการเที่ยวด้วยกัน ที่จะช่วยพัฒนาความอบอุ่นในครอบครัว และความสามารถของลูกในอนาคตต่อไป”