posttoday

"ทรัมป์" จ่อสอบจีนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

13 สิงหาคม 2560

สหรัฐเตรียมเปิดสอบจีนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา มุ่งแก้ปัญหาการค้า-ต่อรองจีนคุมเกาหลีเหนือ

สหรัฐเตรียมเปิดสอบจีนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา มุ่งแก้ปัญหาการค้า-ต่อรองจีนคุมเกาหลีเหนือ

สำนักข่าวโพลิติโกของสหรัฐรายงานอ้างแหล่งข่าวเกี่ยวข้องว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ จะใช้อำนาจตามมาตรา 301 ของพระราชบัญญัติการค้าปี 1974 สั่งให้ โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ เปิดการสอบสวนจีนในวันที่ 14 ส.ค. กรณีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (IP) และบังคับให้เอกชนสหรัฐถ่ายโอนเทคโนโลยีให้รัฐบาลแลกเปลี่ยนกับการทำธุรกิจในจีน

รายงานระบุว่า การเปิดสอบจีนกรณีดังกล่าวคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต รวมถึงเอกชนสหรัฐที่ร้องเรียนว่าถูกจีนบีบให้ถ่ายโอนเทคโนโลยี

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นความพยายามแก้ปัญหาเรื่องการค้ากับจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นการกดดันจีนเพิ่มเติมให้จัดการกับเกาหลีเหนือมากยิ่งขึ้น ซึ่งเสี่ยงส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตึงเครียด เนื่องจากการสอบสวนอาจนำไปสู่การตั้งภาษีสินค้านำเข้าจากจีน

สำหรับท่าทีของจีนกรณีเกาหลีเหนือจะส่งผลสำคัญต่อการตัดสินใจของทรัมป์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว เนื่องจากทรัมป์ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ ว่า อาจลดความแข็งกร้าวทางการค้าลง หากจีนยอมเพิ่มความเข้มงวดในการจัดการกับเกาหลีเหนือ โดยทรัมป์วางแผนเปิดการสอบสวนจีนทางการค้าเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ แต่ต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากต้องการให้จีนร่วมสนับสนุนการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรุนแรงขึ้น 

อย่างไรก็ดี บรรดาผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นว่าจีนซึ่งทำการค้ากับเกาหลีเหนือมากที่สุดถึง 90% อาจไม่ยินยอมกดดันเกาหลีเหนือมากพอจนทำให้เกาหลีเหนือยอมยุติโครงการนิวเคลียร์ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวจะทำลายเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของจีนในการให้เกาหลีเหนือเป็นรัฐกันชน

ขณะเดียวกันซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของสหรัฐ ว่า ทรัมป์ได้แจ้งประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีนแล้วว่าสหรัฐจะดำเนินการสอบสวนดังกล่าว ระหว่างโทรศัพท์หารือประเด็นเกาหลีเหนือเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยทรัมป์และสีเห็นพ้องระหว่างการพูดคุยว่าให้มีการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ และเตือนเกาหลีเหนือให้หยุดกระทำการยั่วยุ อีกทั้งมองว่ามติล่าสุดของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) คือก้าวสำคัญในการไปสู่เสถียรภาพและสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี

ทั้งนี้ สีจิ้นผิงระบุให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอดกลั้นและเลี่ยงการกระทำที่จะเพิ่มความตึงเครียดขึ้น หลังทรัมป์เปิดเผยก่อนหน้าว่าสหรัฐเตรียมกำลังทหารไว้พร้อมแล้วในการรับมือกับเกาหลีเหนือ