posttoday

"ทรัมป์"ขอเอฟบีไอจงรักภักดี

09 มิถุนายน 2560

รายงานอดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอ ชี้ทรัมป์ใช้ระบบอุปถัมภ์ กูรูชี้ทรัมป์อาจรอดความผิดอาญา

รายงานอดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอ ชี้ทรัมป์ใช้ระบบอุปถัมภ์ กูรูชี้ทรัมป์อาจรอดความผิดอาญา

คณะกรรมการข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐ เปิดเผยหลักฐานรายงานของเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) ซึ่งบันทึกการสนทนาแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในการพบปะกัน 5 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.-11 เม.ย. โดยในการพบกันตัวต่อตัวในวันที่ 27 ม.ค. หลังทรัมป์รับตำแหน่ง ทรัมป์ได้ขอความภักดีจาก โคมีย์ และถามโคมีย์ถึง 2 ครั้ง ว่าต้องการตำแหน่งผู้อำนวยการดังกล่าวหรือไม่

"ผมต้องการความภักดี ผมคาดหวังความจริงใจ" เอกสารดังกล่าวอ้างถ้อยคำของทรัมป์ โดยโคมีย์ ระบุว่า การกดดันดังกล่าวทำให้รู้สึกถึงความพยายามสร้างความสัมพันธ์แบบระบบอุปถัมภ์ของทรัมป์

นอกจากนี้ ในการพบปะกันในวันที่ 14 ก.พ. ทรัมป์ยังได้บอกกับโคมีย์ว่า การพูดคุยระหว่างไมเคิล ฟลินน์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงในขณะนั้น และเซอร์เก คิสลียัค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐ ไม่ใช่เรื่องที่ผิด และขอให้อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอระงับการสืบสวนฟลินน์ต่อกรณีพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในเรื่องนโยบายระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ สำนักข่าวเอพี รายงานว่า การกระทำของทรัมป์อาจเป็นการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญาของสหรัฐ และอาจทำให้ทรัมป์ต้องเผชิญกับการดำเนินคดีได้

อย่างไรก็ตาม แอนดริว อารีนา ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและอดีตเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ กล่าวว่า คำพูดของทรัมป์อาจไม่ถึงขั้นเป็นความผิดทางอาญา แต่เป็นการกระทำไม่เหมาะสม เนื่องจากแสดงถึงความไม่สนใจกฎระเบียบของรัฐและความเป็นอิสระของเอฟบีไอจากรัฐบาล

ขณะเดียวกัน ในเอกสารของโคมีย์ไม่ได้มีข้อความ ระบุว่า เอฟบีไอได้กำลังสืบสวนทรัมป์ในกรณีเกี่ยวโยงกับรัสเซีย โดย มาร์ก คาโซวิทส์ ทนายของทรัมป์ที่ดูแลกรณีดังกล่าว เปิดเผยว่า ทรัมป์ได้พ้นข้อกล่าวหาที่อ้างว่าเอฟบีไอกำลังสืบสวนประธานาธิบดีในกรณีที่รัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเมืองสหรัฐ

"ท่านประธานาธิบดีพอใจที่โคมีย์เปิดเผยรายงานในที่สุด ซึ่งยืนยันว่าประธานาธิบดีไม่ได้ตกเป็นเป้าของการสืบสวนกรณี เกี่ยวโยงกับรัสเซีย ประธานาธิบดีรู้สึกว่าได้แก้ต่างอย่างสมบูรณ์และครบถ้วน และเขาจะเดินหน้าผลักดันวาระสำคัญต่างๆ ต่อไป" คาโซวิทส์ กล่าว