posttoday

โกลด์แมนฯเตือน ซัพพลายนำมันยังล้น

24 พฤษภาคม 2560

นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ยังมีความเสี่ยงที่ซัพพลายน้ำมันจะกลับมาล้นตลาดได้อีกครั้งในปีหน้า

นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ยังมีความเสี่ยงที่ซัพพลายน้ำมันจะกลับมาล้นตลาดได้อีกครั้งในปีหน้า

นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุในรายงาน เตือนว่า ยังมีความเสี่ยงที่ซัพพลายน้ำมันจะกลับมาล้นตลาดได้อีกครั้งในปีหน้า หลังจากข้อตกลงกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก (โอเปก) รวมถึงกลุ่มนอกโอเปกที่นำโดยรัสเซีย ที่ตัดสินใจขยายข้อตกลงลดการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือนนั้น จะสิ้นสุดลงในเดือน มี.ค. ซึ่งจะทำให้กลุ่มโอเปกและนอกโอเปกกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตเต็มเพดานอีกครั้ง รวมถึงปัจจัยการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมน้ำมันจากหินดินดาน (เชลออยล์) ที่อาจทำให้การผลิตขยายตัวจนไม่อาจควบคุมได้

อย่างไรก็ตาม การขยายข้อตกลงดังกล่าว จะช่วยให้น้ำมันคงคลังของกลุ่มประเทศองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) กลับมาสู่ระดับปกติได้ภายในช่วงต้นปี 2561

โกลด์แมน แซคส์ ระบุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวัฏจักรขึ้นแรง-ลงแรง จึงควรมีกระบวนการปรับสมดุลราคาระหว่างราคาปัจจุบันกับราคางวดส่งมอบล่วงหน้า โดยกดให้ราคาล่วงหน้าถูกกว่าราคาปัจจุบัน (Backwardation) เพื่อเป็นกลไกจำกัดการเข้าถึงเงินกู้ใหม่ของกลุ่มเชลออยล์ ซึ่งจะช่วยควบคุมการผลิตไม่ให้ล้นจนเกินไปได้ นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ยังแนะนำให้โอเปกและรัสเซียขยายเวลาข้อตกลงหรือลดการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นไปอีก จนกว่าปริมาณน้ำมันสำรองจะกลับสู่ระดับสมดุล

ขณะเดียวกัน โกลด์แมน แซคส์ ยังคงคาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันครึ่งปีหลังนี้ไว้ที่ 57 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ทั้งนี้ กลุ่มประเทศโอเปกจะประชุมใหญ่ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่างวันที่ 24-25 พ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาว่าจะขยายข้อตกลงลดการผลิตน้ำมันที่จะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย. ออกไปอีกหรือไม่

ด้าน พิจินต์ อภิวันทนาพร ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่าปีนี้ราคาน้ำมันดิบจะอยู่ที่ราว 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเฉลี่ยที่ราว 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะเป็นส่วนหนึ่งให้รายได้ของ ปตท.ปีนี้ดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 1.7 ล้านล้านบาท รวมถึงการจัดการต้นทุนที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญด้วย

อย่างไรก็ตาม พิจินต์ ระบุว่า การแข่งขันในอุตสาหกรรมน้ำมันนั้นยังคงอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะในแง่ของราคาขาย ซึ่งจะมีการเหวี่ยงของราคาอยู่ประมาณ 90 สตางค์/ลิตร แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากส่วนแบ่งในตลาดของบริษัทที่ยังคงอยู่อันดับ 1 ทำให้สามารถควบคุมราคาขายได้ค่อนข้างดี

ทั้งนี้ บริษัทคงงบลงทุน 5 ปี (2560-2564) ไว้ที่ 3.39 แสนล้านบาท โดยเงินลงทุนดังกล่าวจะใช้เพื่อลงทุนในระบบท่อแก๊ส 70% ของเงินทุนและในส่วนที่เหลือใช้ขยายธุรกิจทั่วไป เพื่อให้ผลประกอบการมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ด้าน อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. เปิดเผยว่า ปตท.เตรียมจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อดำเนินธุรกิจน้ำมัน คือ บริษัท ปตท.น้ำมัน และการค้าปลีก (พีทีทีโออาร์) มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท โดยล่าสุดมีแนวโน้มที่จะเลื่อนเสนอขายหุ้นใหม่ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) เป็นปี 2562 จากเดิมคาดว่าจะดำเนินการในปี 2561 เนื่องจากต้องพิจารณาเรื่องการแยกสินทรัพย์ให้รอบคอบ โดยเฉพาะต้องดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมทุนกับรัฐ (พีพีพี) ต้องมีความชัดเจนทุกขั้นตอน แต่หากสามารถแยกทรัพย์สินได้ภายในวันที่ 1 ธ.ค. 2560 ก็มีโอกาสที่จะไอพีโอได้ในปี 2561 ตามแผนเดิมที่กำหนดไว้

สำหรับทรัพย์สินของพีทีทีโออาร์ที่ต้องดำเนินการแยกออกจากบริษัท ปตท. เช่น สถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) ที่ปัจจุบันมีจำนวนรวม 1,500 แห่ง ในจำนวนนี้มีปั๊มที่ ปตท.เป็นเจ้าของ 100% จำนวน 100 แห่ง และ ปตท.เป็นเจ้าของที่ดิน แต่ให้เอกชนเช่าดำเนินการ 100 แห่ง รวมทรัพย์สินที่แยกออกมา 200 แห่ง