ครอบครัวผู้อพยพซีเรียตั้งชื่อลูกชายว่าจัสติน ทรูโด

คู่สามีภรรยาชาวซีเรียตั้งชื่อลูกคนใหม่ของพวกเขาตามนายกรัฐมนตรีแคนาดา เพื่อเป็นเกียรติ และขอบคุณในการเปิดประเทศรับผู้ลี้ภัย

คู่สามีภรรยาชาวซีเรียที่หลบหนีสงครามกลางเมืองมาจากกรุงดามัสกัส เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในแคนาดา ได้ตั้งชื่อลูกชายคนใหม่ของพวกเขาว่า จัสติน ทรูโด เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีของแคนาดา สำหรับนโยบายต้อนรับผู้อพยพ

มูฮัมหมัด และอัฟรา บิลาน เดินทางมาถึงยังเมืองมอนทรีออล เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางอากาศหนาวจัด พร้อมด้วยนายา ลูกสาววัย 4 ขวบ และนาเอลลูกชายวัย 3 ขวบ โดยพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของผู้อพยพจำนวน 40,000 คนที่ทยอยกันเดินทางมายังแคนาดา ภายใต้ความคิดริเริ่มเปิดประเทศต้อนรับผู้ลี้ภัยจากทรูโด

"เรารักชายคนนี้ และเราขอขอบคุณเขาด้วยหัวใจ เขาช่วยผู้อพยพจำนวนมาก เขาคือเหตุผลที่ทำให้เรามาอยู่ที่แคนาดา" อัฟรากล่าว

หนูน้อยจัสติน ทรูโด อดัม บิลาน ลืมตาดูโลกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในเมือง Calgary เมืองที่อยู่ใกล้กับชุมชนของชาวซีเรียขนาดใหญ่ที่มีผู้อยู่อาศัยกว่า 1,000 คน

อัฟราผู้เป็นมารดาเล่าประสบการณ์ให้ฟังว่า ในช่วงแรกที่ย้ายมายังแคนาดานั้นเธอต้องปรับตัวอย่างมาก จากความแตกต่างของสภาพอากาศ และอุปสรรคด้านภาษา แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้พวกเขาดีใจอย่างมากที่ได้มาอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ลูกชายคนแกรของพวกเขาที่มีสัญชาติแคนาดาเพิ่งจะถือกำเนิดขึ้น

หนูน้อยจัสติน ทรูโด อดัม บิลาน สมาชิกคนแรกของครอบครัวบิลานที่ได้สัญชาติแคนาดา

"เขาเป็นคนแรกในครอบครัวที่เป็นชาวแคนาดา อันที่จริงเขาได้สถานะพลเมืองก่อนเราเสียอีก!" เธอกล่าว

ย้อนกลับไปในช่วงแรกที่ประธานาธิบดีทรัมป์ แห่งสหรัฐเริ่มดำรงตำแหน่ง ทรัมป์ประกาศแบนรับผู้อพยพสหรัฐ ในขณะที่ทรูโดออกมากล่าวผ่านทวิตเตอร์เพื่อแสดงให้เห็นถึงความโอบอ้อมของแคนาดาว่า "ถึงผู้คนที่หลบหนีจากกาประหัตประหาร การก่อการร้าย และสงคราม แคนาดายินดีต้อนรับโดยไม่คำนึงถึงความเชื่อของพวกคุณ เพราะความหลากหลายคือจุดแข็งของเรา"

ในเดือนธันวาคม ปี 2015 ทรูโดเดินทางไปรอรับเครื่องบินขนส่งผู้อพยพชาวซีเรียลำแรกที่เดินทางมายังแคนาดาด้วยตนเอง และอีก 1 ปีต่อมา ผู้นำแคนาดาถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เมื่อหนึ่งในผู้อพยพที่เขาเดินทางไปรับนั้นออกมากล่าวขอบคุณว่าเขาซึ้งใจแค่ไหนที่ได้มาอาศัยอยู่ยังประเทศนี้

ปัจจุบันสงคราม และความขัดแย้งในซีเรียยังคงไม่สงบ เฉลี่ย 6 ใน 10 ของประชากร หรือคิดเป็นจำนวนราว 12.5 ล้านคน ต้องกลายสถานะเป็นผู้อพยพ