posttoday

กัมพูชาปฏิเสธจ่ายหนี้สงครามสหรัฐ

22 มีนาคม 2560

ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชา-สหรัฐจะยิ่งแย่ลง หากรัฐบาลทรัมป์ยังยืนกรานต้องการหนี้สงครามคืน

ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชา-สหรัฐจะยิ่งแย่ลง หากรัฐบาลทรัมป์ยังยืนกรานต้องการหนี้สงครามคืน

เมื่อราวสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาออกมาเรียกร้องให้กัมพูชาจ่ายหนี้ในสมัยสงครามเวียดนามคืนเป็นจำนวนเงิน 500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือคิดเป็นงินไทยราว 17,000 ล้านบาท ท่ามกลางนโยบายปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลทรัมป์ ส่งผลให้ชาวกัมพูชา และหลายฝ่ายออกมาแสดงความเกรี้ยวกราดไม่เห็นด้วย และระบุว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินสกปรก หรือเงินนองเลือดที่คร่าชีวิตชาวกัมพูชาไปมากมายในยุคสมัยนั้น นอกจากนั้นยังมองว่าการทวงหนี้ครั้งนี้จะยิ่งส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศมากขึ้น

ทั้งนี้กระบวนการชำระหนี้ระหว่างประเทศนั้นถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และไม่มีบรรทัดฐานที่แน่นอน โดยขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างสองประเทศเป็นหลัก ซึ่งล่าสุดสมเด็จฮุนเซน นากยกรัฐมนตรีกัมพูชาออกมากล่าวว่า ทางกัมพูชาได้ขอให้สหรัฐยกเลิกหนี้สงครามดังกล่าวตั้งแต่ทรัมป์ขึ้นเป็นประธานาธิบดี โดยระบุว่ายังไม่ได้ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการไปยังทรัมป์ เพื่อขอให้สหรัฐพิจารณาใหม่ในประเด็นดังกล่าว "เราควรที่จะพูดคุยถึงประเด็นปัญหาที่ประเทศหนึ่งถูกรุกรานจากประเทศอื่นๆ และเด็กๆของเราถูกสังหารไปจำนวนมาก" นายกรัฐมนตรีกล่าวโดยมองว่ากัมพูชาชอกช้ำจากระเบิดของสหรัฐจำนวนมาก แล้วปัจจุบันยังถูกทวงเงินโดยสหรัฐอีก

หนี้สินจำนวน 276 ล้านดอลล่าร์สหรัฐนี้เกิดขึ้นในสมัยการปกครองของนายกรัฐมนตรีลอล นอล ในช่วงปี 1972 - 1975 รายงานจากรัฐบาลกัมพูชาหนี้สินที่สหรัฐให้กัมพูชากู้ยืมนี้มีขึ้นเพื่อสนับสนุนงบประมาณด้านอาหาร แก่รัฐบาลของลอล นอล ซึ่งขณะนั้นกำลังต่อสู้กับสงครามกลางเมือง และการแผ่อิทธิพลของลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งก่อนหน้านี้ลอล นอลขึ้นสู่อำนาจได้จากรัฐประหารล้มอำนาจของรัฐบาลเจ้านโรดม สีหนุ ในปี 1970 ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อกันว่าสหรัฐอเมริกาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

ตลอดปี 1965 - 1973 กัมพูชาถูกสหรัฐทิ้งระเบิดลงในประเทศกว่า 2.7 ล้านตัน ซึ่งในจำนวนนี้กว่า 1 ล้านตันเป็นระเบิดที่สหรัฐใช้ในการต่อสู่กับทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ประชาชนชาวกัมพูชาหลายแสนคนทั้งเด็ก และผู้หญิงเสียชีวิตจากการโจมตี จวบจนปัจจุบันนี้ยังคงมีระเบิดอีกจำนวนมากที่ยังถูกฝังอยู่ตามพื้นที่ต่างๆของกัมพูชา

ภารกิจทิ้งระเบิดต่อต้านทหารญี่ปุ่น และต่อต้านสงครามเวียดนามของสหรัฐส่งผลให้เกิดผู้ลี้ภัยจำนวนมากที่เดินทางไปเข้าร่วมกับกลุ่มเขมรแดง เพื่อต่อต้านนายกรัฐมนตรีลอล นอล และสหรัฐ ซึ่งนักประวัติศาสตร์บางกลุ่มระบุว่าสหรัฐเองควรมีส่วนรับผิดชอบเนื่องจากเป็นผู้มีส่วนทำให้เขมรแดงเรืองอำนาจมากยิ่งขึ้น จนนำไปสู่ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในกัมพูชา ที่ประชาชนกว่า 1.7 ล้านคนถูกสังหาร ระหว่างปี 1975 - 1979 และสหรัฐไม่ได้กระทำการใดๆเพื่อต่อสู้กับเขมรแดง

ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ทั้งสหรัฐ และกัมพูชายังคงไม่อาจลบเลือนบาดแผลที่เกิดขึ้นระหว่างกันได้ ด้านกัมพูชาเองเคยขอให้สหรัฐยกเลิกการทวงหนี้สงครามดังกล่าว แต่ดูเหมือนว่าทางสหรัฐเองจะไม่ยอมเปลี่ยนใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้สหรัฐเองก็เคยยกหนี้ให้แก่ประเทศลูกหนี้มาแล้ว เช่นหนี้สงครามเวียดนามในปี 1997, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ในปี 1999, ยูโกสลาเวียในปี 2002 และอิรัก ในปี 2004 เป็นต้น จึงสร้างข้อสงสัยว่าเหตุใดสหรัฐจึงไม่ยกหนี้ให้แก่กัมพูชา ในขณะที่นักวิเคราะห์บางคนมองว่าเป็นความต้องการกดดันการบริหารปกครองของสมเด็จฮุนเซนในปัจจุบัน เพื่อให้ปฏิรูปการเมืองของกัมพูชา

นอกจากนั้นนักวิเคราะห์ยังให้ความเห็นว่า สหรัฐควรที่จะแปลงหนี้เป็นประโยชน์ทางสาธารณะ หรือความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแทนดังที่ในปี 2000 สหรัฐและเวียดนามตกลงร่วมกันในการยกหนี้สงคราม และเปลี่ยนเป็นการลงทุนพัฒนาเพื่อการศึกษาให้แก่เด็กๆชาวเวียดนามแทน