posttoday

สหรัฐล้มทีพีพีทำการค้าโลกป่วน

13 พฤศจิกายน 2559

สหรัฐล้มทีพีพี แนะเตรียมรับมือการค้าโลกระอุ ชาติสมาชิกเปิดเกมชิงคู่เจรจา

สหรัฐล้มทีพีพี แนะเตรียมรับมือการค้าโลกระอุ ชาติสมาชิกเปิดเกมชิงคู่เจรจา

รอยเตอร์ส รายงานว่า รัฐบาลประธานาธิบดี บารัก โอบามา ของสหรัฐ ตัดสินใจระงับการให้สภาคองเกรสให้สัตยาบันความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (ทีพีพี) ซึ่งมีมูลค่าคิดเป็นถึง 40% ของการค้าโลก โดยระบุว่าต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจประเด็นดังกล่าว

รายงานระบุว่า โอบามาจะเตรียมอธิบายสถานการณ์ดังกล่าวกับประเทศหุ้นส่วนทีพีพีอีก 11 ประเทศ เมื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) ที่เปรู ระหว่างวันที่ 19-20 พ.ย.นี้

แมตต์ แมคอัลวานาห์ โฆษกสํานักงานผู้แทนทางการค้าสหรัฐ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลโอบามาและสำนักงานผู้แทนการค้าได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับสภาคองเกรสเพื่อแก้ไขอุปสรรคต่างๆ เกี่ยวกับข้อตกลงทีพีพี ซึ่งเป็นกระบวนการทางกฎหมาย และการตัดสินใจว่าจะผลักดันการดำเนินการดังกล่าวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้นำสภาคองเกรส

ทั้งนี้ รัฐบาลโอบามาและสํานักงานผู้แทนทางการค้าสหรัฐพยายามมาเป็นเวลาหลายเดือน เพื่อผลักดันให้สภาคองเกรสให้สัตยาบันข้อตกลงทีพีพีหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ อย่างไรก็ดี ชัยชนะของทรัมป์ ซึ่งมีนโยบายปกป้องการค้าและเน้นการเจรจาการค้าที่ทำให้สหรัฐได้ประโยชน์มากที่สุด และการที่พรรครีพับลิกันได้เสียงข้างมากในสภาคองเกรส มีแนวโน้มที่ทีพีพีจะไม่ผ่านการให้สัตยาบันของรัฐบาลชุดใหม่

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา มิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ เปิดเผยว่า จะไม่พิจารณาประเด็นทีพีพี จนกว่าทรัมป์จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี สอดคล้องกับความเห็นของ พอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน ที่จะไม่พิจารณาประเด็นดังกล่าวเช่นกัน

นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การที่ บารัก โอบามา ออกมาประกาศล้มความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก ถือว่าเกมโอเวอร์ เป็นการล้มโดยปริยาย เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ไม่เอาทีพีพี ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณไปยังประเทศสมาชิกทีพีพีว่าสหรัฐในฐานะที่เป็นผู้ผลักดันให้เกิดทีพีพีจะถอย

ทั้งนี้ การที่สหรัฐล้มทีพีพีนั้น มีทั้งข้อดีและข้อเสียต่อประเทศไทย โดยข้อดีคือ ทำให้ไทยไม่เสียเปรียบการค้าและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นสมาชิกทีพีพีแล้วอย่างเวียดนาม มาเลเซียและสิงคโปร์ และทำให้ไทยมีเวลาในการเตรียมตัวหากมีการเปิดเจรจาใหม่ ส่วนข้อเสียคือ ขาดตัวเร่งให้ภาครัฐและเอกชนในการปรับตัวยกระดับการค้าและการลงทุนไปสู่สากลตามที่ทีพีพีกำหนด ซึ่งอาจจะส่งผลเสียในระยะยาวต่อการแข่งขันของไทยได้

“การที่ทีพีพีล้มไป มองว่าจะทำให้การค้าและการลงทุนเปลี่ยนรูปแบบไปจากการค้าเสรี (ฟรีเทรด) เป็นแฟร์เทรด ที่สหรัฐต้องมาเจรจาการค้ากับแต่ละประเทศใหม่ ซึ่งจะมีความเข้มข้นและดุเดือดมากขึ้น ดังนั้นรัฐบาลต้องเตรียมตัวและมีแผนยุทธศาสตร์การค้าการลงทุนที่จะไปเจรจากับสหรัฐให้ วิน-วิน ด้วยกันทั้งคู่ ส่วนเอกชนก็ต้องยกระดับตัวเองให้เร็วขึ้น หรือเรียกว่าเป็นช่วงเวลาชิงความได้เปรียบของไทย” นายนพพร กล่าว

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ในแง่ของประเทศสมาชิกทีพีพีคงจะผิดหวัง และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศที่มีการวางแผนในการเปิดตลาดในสหรัฐไว้ นอกจากนี้ยังทำให้สหรัฐขาดความน่าเชื่อถือในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศไปพอสมควร และครั้งนี้จะเป็นบทเรียนกับประเทศต่างๆ ที่จะทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐว่า เมื่อประธานาธิบดีเปลี่ยนก็จะมีผลต่อข้อตกลงที่ทำไว้เช่นกัน ทำให้ในอนาคตจะขาดความมั่นใจในข้อตกลงการค้าที่เจรจากับสหรัฐ