"ปูติน"ฉีกดีลสหรัฐถกสันติภาพล่ม
ประธานาธิบดีรัสเซียล้มข้อตกลงกำจัดพลูโตเนียม ฉุดสัมพันธ์สหรัฐตึงเครียด
ประธานาธิบดีรัสเซียล้มข้อตกลงกำจัดพลูโตเนียม ฉุดสัมพันธ์สหรัฐตึงเครียด
ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ลงนามในกฤษฎีการะงับข้อตกลงร่วมกับสหรัฐในการกำจัดพลูโตเนียมส่วนเกิน ซึ่งเป็นวัตถุดิบทำอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐก่อภัยคุกคามต่อยุทธศาสตร์ความมั่นคงและกระทำการที่ไม่เป็นมิตรต่อรัสเซีย ทำให้สถานการณ์ระหว่างสองประเทศตึงเครียดรุนแรง
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ทั้งสหรัฐและรัสเซียต้องกำจัดพลูโตเนียมฝ่ายละ 34 ตัน เท่ากับเป็นการกำจัดพลูโตเนียมได้ 68 ตัน ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับอาวุธนิวเคลียร์ 1.7 หมื่นลูก โดยทั้งสองฝ่ายได้ร่วมตกลงกันในปี 2010
ล่าสุด ฟอกซ์นิวส์ สื่อสหรัฐ รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐว่า รัสเซียเตรียมประจำการระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูงในซีเรียเป็นครั้งแรก สะท้อนการเพิ่มความเข้มข้นด้านปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในซีเรียเพื่อสนับสนุนพันธมิตร ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย โดยระบบดังกล่าวอาจมีศักยภาพต่อต้านการโจมตีขีปนาวุธของสหรัฐเข้าไปในซีเรีย
ขณะเดียวกัน จอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ประกาศระงับการเจรจาสันติภาพในประเด็นวิกฤตซีเรียกับรัสเซียแล้ว หลังรัสเซียละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยร่วมมือกับรัฐบาลซีเรียโจมตีทางอากาศในเมืองอเลปโปอย่างรุนแรงหลายครั้งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งถูกทำลายเป็นผลให้ข้อตกลงหยุดยิงล่มในที่สุด พร้อมระบุว่าสหรัฐจะหาหนทางใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาซีเรีย
ด้าน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า 10 ประเทศที่รับผู้อพยพมากที่สุดในโลก เป็นประเทศเล็กจากตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียใต้ ซึ่งรับผู้อพยพรวมกัน 56% จากจำนวนทั่วโลก ยิ่งตอกย้ำว่ามีความเหลื่อมล้ำระหว่างประเทศร่ำรวยและยากจนในการแก้ปัญหานี้
สำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) เปิดเผยว่า สงครามกลางเมืองในประเทศต่างๆ ทำให้จำนวนผู้อพยพพุ่งสูงสุดทำสถิติที่ 21.3 ล้านคน ในปี 2016