posttoday

ประหลาด!แพทย์ผ่าตัดพบ"หนังยาง"ในข้อมือเด็กจีน

18 มิถุนายน 2559

แพทย์พบกรณีประหลาด พบ"หนังยาง"ในข้อมือเด็กจีน คาดสวมรัดข้อมือตั้งแต่ช่วงแรกเกิดจนผิวหนังงอกมาครอบยางรัด

แพทย์พบกรณีประหลาด พบ"หนังยาง"ในข้อมือเด็กจีน คาดสวมรัดข้อมือตั้งแต่ช่วงแรกเกิดจนผิวหนังงอกมาครอบยางรัด

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. สำนักข่าว'ซินหัว'ได้รายงานอีกหนึ่งเรื่องราวประหลาดจากประเทศจีน เมื่อทีมแพทย์จีนได้ผ่าตัดพบ"หนังยาง"ในข้อมือของเด็กจีนวัย 4 ขวบอย่างปริศนา

รายงานระบุว่า ตอนที่เด็กน้อยรายนี้อายุ 1 ขวบ มารดาได้ซื้อกำไลเงินให้สวมเพื่อหวังให้เป็นเครื่องรางปกป้องคุ้มครองลูกและใส่มาตลอดจนกระทั่งเมื่อธันวาคมปีที่แล้ว ปู่ของเด็กน้อยได้สังเกตเห็นรอยที่ข้อมือซึ่งทั้งลึกและทั้งแข็ง เข้าใจว่าเป็นเพราะกำไลเงินนั้นแน่นเกินไปจึงให้ถอดกำไลเงินออก แล้วก็ให้กินยาแก้อักเสบ แต่ผ่านไปครึ่งเดือนที่ข้อมือก็ยังแดงเพราะอักเสบ

ครอบครัวได้พาเด็กน้อยไปพบแพทย์ราว 5-6 ครั้ง ทั้งรักษาโดยการฝังเข็ม กินยา ทั้งแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนใหม่ แต่ที่ข้อมือก็ยังเป็นรอยแดงอยู่จนในที่สุดเมื่อวันที่ 18 เม.ย. ก็ตัดสินใจตไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเด็กและสตรีเมืองเฉิงตูอีกครั้ง

นาย'ฝู สง'รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเผยว่า ในตอนแรกเรานึกว่าเป็นเพราะกำไลเงินบีบรัดแผลเป็นบนข้อมือจนเกิดการอักเสบขึ้น แต่หลังจากถามคนในครอบครัวก็พบว่าตั้งแต่แรกเกิดเด็กก็ไม่มีแผลเป็นตรงนี้ แต่เพราะใส่กำไลเงินจึงเป็นรอยแผลเป็นเรื่อยมา ดังนั้นจึงคาดว่าต้องผ่าตัดเอาแผลเป็นออกเพราะหากปล่อยไว้อาจจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตในระยะยาว

หลังจากนั้น 3 เดือนในวันที่ 8 มิ.ย.ข้อมือของเด็กน้อยกลับอักเสบรุนแรงมากยิ่งขึ้นมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีหนองข้างในด้วย ทางแพทย์จึงรีบผ่าตัดในวันนั้นและต้องพบกับความจริงที่ว่ามี"หนังยาง"อยู่ภายใต้เนื้อบริเวณข้อมือ ซึ่งหากดูจากขนาดของยางนั้นน่าจะอยู่ในข้อมือหลังจากเด็กเพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นาน

นายฝู สงกล่าวว่า หากดูจากภาพเอกซเรย์จะพบว่ากระดูกข้อมือของเด็กน้อยนั้นได้รับผลกระทบไม่น้อยเล เพราะว่าหนังยางได้บีบรัดข้อมือเป็นเวลานานจึงทำให้ผิวหนังเป็นรอยยุบลงไป จากนั้นเวลาผ่านไปผิวหนังก็งอกใหม่มาครอบหนังยางจนเข้าไปในผิวหนังในที่สุด เด็กคนนี้ค่อนข้างอ้วน คนในบ้านจึงไม่ได้เอะใจอะไรเมื่อเห็นรอยผิวหนังย่น โชคดีที่ผ่าตัดทันเนื่องจากหากว่าปล่อยไว้ต่อไปโดยไม่ได้เอาหนังยางออกไป ก็อาจจะต้องถึงขั้นตัดข้อมือทิ้ง

ที่มา China Xinhua News