posttoday

โอบามาควงหูจิ่นเทาประสานรอยร้าวมะกันยันไม่กีดกันการค้าจีน

24 กันยายน 2552

โพสต์ทูเดย์ — โอบามาหวังประสานความบาดหมางกับจีน ควบหูจิ่นเทา คุยนอกรอบ

โพสต์ทูเดย์ — โอบามาหวังประสานความบาดหมางกับจีน ควบหูจิ่นเทา คุยนอกรอบ

ประธานาธิบดี บารัก โอบามา หารือนอกรอบกับประธานาธิบดี หูจิ่นเทา ระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก โดยผู้นำสหรัฐพยายามประสานรอยร้าวความสัมพันธ์กับจีน ด้วยการให้คำมั่นสัญญาว่า สหรัฐจะยังคงยึดมั่นในหลักการค้าเสรีต่อไป หลังจากโอบามาสั่งลดโควตาการนำเข้ายางรถยนต์จากจีน เพื่อปกป้องธุรกิจยางในประเทศ

เจ้าหน้าที่สหรัฐที่แถลงข่าวความคืบหน้าการหารือนอกรอบครั้งนี้ เปิดเผยว่า โอบามาย้ำว่าแต่ละฝ่ายต่างมีจุดยืนที่แตกต่างกัน แต่สหรัฐจะยังคงสนับสนุนการค้าเสรีต่อไป และสกัดกั้นการกีดกันทางการค้า ทว่า ฝ่ายจีนยังแสดงท่าทีกังวลในประเด็นนี้

นอกจากนี้ ฝ่ายสหรัฐต้องการให้จีนปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจให้อิงกับการบริโภคให้มากขึ้น ขณะที่ฝ่ายสหรัฐจะปรับเปลี่ยนจากเศรษฐกิจบริโภคนิยมสุดโต่งมาเน้นการออมมากขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ โอบามาได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ โดยย้ำต่อที่ประชุมว่า สหรัฐไม่สามารถแก้ปัญหาระดับโลกได้เพียงผู้เดียว และเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมกันแสดงความรับผิดชอบเมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ

“เราพยายามเสาะหายุคใหม่แห่งความร่วมมือกันในประชาคมโลก ทั้งด้วยวาจาและการกระทำ ขณะนี้ถึงเวลาที่เราทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันแสดงความรับผิดชอบในการตอบรับความท้าทายต่างๆ” โอบามา กล่าว

นอกจากนี้ ร่างแถลงการณ์ของโอบามาต่อที่ประชุม จี20 ยังเรียกร้องให้ผู้นำกลุ่มร่วมกันผลักดันกรอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและการเงิน โดยจัดให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เป็นผู้ให้คำแนะนำด้านนโยบายแก่กลุ่มประเทศ จี20 ทุกๆ 6 เดือน

อย่างไรก็ตาม จีนกลับแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับโอบามาในประเด็นนี้ กระทรวงการต่างประเทศจีนมีแถลงการณ์ตอบโต้ในทันทีว่า องค์กรทางการเงินระดับโลกมีหน้าที่ให้คำแนะนำด้านนโยบาย แต่เป็นเพียงคำแนะนำเพื่อประกอบการพิจารณาเท่านั้น ทุกประเทศยังควรกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับเงื่อนไขของตนเอง

นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟยังมีภารกิจรัดตัวอยู่แล้ว จึงไม่ควรเพิ่มความรับผิดชอบมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ไอเอ็มเอฟอยู่ระหว่างกระบวนการเพิ่มสิทธิและเสียงของประเทศตลาดเกิดใหม่อย่างจีน อินเดีย และบราซิล