posttoday

นาโต้เสริมเขี้ยวรุกหนัก

03 ธันวาคม 2558

นาโต้เห็นพ้องรับมอนเตเนโกรเข้าเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการ ย้ำคงกำลังทหาร 1.2 หมื่นนายในอัฟกานิสถาน เตรียมเสริมขีปนาวุธป้องกันตุรกี หลังรัสเซียส่งเครื่องบินรบซู-24 สู่ซีเรียเพิ่ม

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

เจนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ประกาศว่า คณะรัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต้เห็นพ้องรับมอนเตเนโกรเข้าเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการแล้ว ย้ำคงกำลังทหาร 1.2 หมื่นนายในอัฟกานิสถาน และเตรียมเสริมขีปนาวุธป้องกันตุรกี หลังรัสเซียส่งเครื่องบินรบซู-24 สู่ซีเรียเพิ่ม

แถลงการณ์ของนาโต้ ระบุว่า การเข้าร่วมพันธมิตรใหม่เป็นการยืนยันจุดยืนของมอนเตเนโกรในภูมิภาคยูโร-แอตแลนติก และเสริมสร้างเสถียรภาพของภูมิภาคในคาบสมุทรบอลข่าน อีกทั้งยังเป็นการพิสูจน์ความน่าเชื่อถือของนโยบายที่เปิดกว้างของนาโต้

อย่างไรก็ตาม วิกเตอร์ โอเซรอฟ ประธานคณะกรรมาธิการกลาโหมและความมั่นคงของวุฒิสภารัสเซีย แสดงความกังวลว่า การแผ่ขยายพันธมิตรของนาโต้ เป็นการกระทำที่ยั่วยุ เพิ่มภัยคุกคามต่อรัสเซีย และโหมความตึงเครียดให้เลวร้ายลงไปอีก

ด้าน เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า การ กระทำใดๆ ก็ตามของนาโต้ที่ต้องการขยายพันธมิตรเป็นข้อผิดพลาด เป็นการกระทำที่ยั่วยุรัสเซีย และเป็นนโยบายที่ไร้ความรับผิดชอบ

ที่ผ่านมารัสเซียคัดค้านการเข้าร่วมพันธมิตรนาโต้ของมอนเตเนโกร มาโดยตลอด เนื่องจากเป็นความพยายามปิดล้อมและโดดเดี่ยว ซึ่งเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของรัสเซียโดยตรง อีกทั้งยังสะท้อนถึงภาวะสงครามเย็นด้วย

นอกจากนี้ สโตลเตนเบิร์ก ยังย้ำว่า นาโต้จะยังคงกำลังทหาร 1.2 หมื่นนาย ในอัฟกานิสถานต่อไปจนถึงปี 2016 ซึ่ง 7,000 นาย เป็นทหารสหรัฐ และ 5,000 นาย เป็นทหารจากนาโต้และพันธมิตรนอกนาโต้อย่างจอร์เจีย โดยการคงทหารเป็นไปเพื่อป้องกันประเทศจากกลุ่มก่อการร้าย โดยเฉพาะตาลีบัน

ก่อนหน้านี้ รอยเตอร์ส เปิดเผยว่า ชาติพันธมิตรนาโต้มีแผนส่งเครื่องบินลาดตระเวนและขีปนาวุธเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กองทัพอากาศตุรกีในการป้องกันประเทศบริเวณแนวชายแดนที่ติดกับรัสเซีย โดย ลินาส ลิสคาวิทชู รัฐมนตรีต่างประเทศของลิทัวเนีย ระบุว่า มาตรการเสริมทัพดังกล่าวยังรวมถึงการเพิ่มจำนวนเรือรบในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพิ่มจำนวนเครื่องบินรบในฐานทัพตุรกี และเพิ่มขีปนาวุธป้องกันประเทศด้วย

ขณะที่ อิกอร์ คลีมอฟ โฆษกกองทัพอากาศรัสเซีย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา กองทัพรัสเซียได้ส่งเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดซู-34 ซึ่งบรรจุทั้งระเบิดอานุภาพทำลายล้างสูง และยังติดตั้งขีปนาวุธอากาศสู่อากาศพิสัยกลางและพิสัยไกลเข้าไปยังสมรภูมิซีเรีย หลังเครื่องบินซู-24 ถูกกองทัพตุรกียิงตกเมื่อวันที่ 24 พ.ย.

มะกันเสริมทัพในอิรัก

แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ เปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐเตรียมส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าไปปฏิบัติการในอิรักและซีเรีย เพื่อต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) โดยมีภารกิจหลักในการลาดตระเวน ปลดปล่อยตัวประกัน และจับกุมผู้นำไอเอส ทั้งนี้ ปฏิบัติการดังกล่าวสามารถปฏิบัติการแบบเดี่ยวได้ในซีเรีย

การเสริมกองกำลังของสหรัฐจะเน้นการป้องกันชายแดนอิรัก และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองทัพอิรักด้วย

ด้านนายกรัฐมนตรี ไฮเดอร์ อัล-อับบาดี ของอิรัก ระบุว่า ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากกองทัพสหรัฐในการต่อสู้กับกลุ่มไอเอส และการเสริมทัพของกองกำลังต่างชาติจะไม่เกิดขึ้น หากปราศจากการอนุมัติจากรัฐบาลอิรัก

"เราไม่ต้องการกองกำลังต่างชาติในดินแดนของอิรัก" ผู้นำอิรักระบุในแถลงการณ์

หมีขาวเผยสินค้าห้ามเข้า

นายกรัฐมนตรี ดิมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย ลงนามอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรตุรกี เพื่อตอบโต้กรณียิงเครื่องบินรบรัสเซีย โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2016 และห้ามเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากรัสเซียไปตุรกี มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. แต่การคว่ำบาตรไม่กระทบต่อโครงการพลังงานสำคัญๆ อย่างท่อส่งแก๊สเตอร์กิช สตรีม

อย่างไรก็ดี ทางการรัสเซีย ระบุว่า อาจมีการขยายมาตรการคว่ำบาตรอีกหากมีความจำเป็น

ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยว่า จะหารือนอกรอบกับ เมฟลุท เควูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี ระหว่างการประชุมองค์การว่าด้วยความมั่นคงและ ความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) ที่ เซอร์เบีย วันที่ 3-4 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นการพบกันตัวต่อตัวครั้งแรกของทั้งสองประเทศหลังเหตุยิงเครื่องบิน

ภาพเอเอฟพี