จีน-สหรัฐเลี่ยงปะทะพิพาททะเล

จีน-สหรัฐ เตรียมถกเลี่ยงปะทะทะเลจีนใต้ หลังส่งเรือรบท้า ศาลกรุงเฮกรับคำร้องฟิลิปปินส์

กองทัพเรือสหรัฐ เปิดเผยว่า จีนและสหรัฐตกลงมีการเจรจาทางทะเลร่วมกัน หลังความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ปะทุขึ้นหลังสหรัฐส่งลาสเซน เรือรบติดจรวดนำวิถีเข้าไปในเขต 12 ไมล์ของเกาะเทียม ที่ประเทศสร้างขึ้นในทะเลจีนใต้ ในขณะที่ทางจีนได้ออกมาตอบโต้ด้วยการส่งวายเจ-18 เรือดำน้ำติดขีปนาวุธเข้าตรวจตราน่านน้ำ

คณะกรรมการพิจารณาความมั่นคงและเศรษฐกิจจีน-สหรัฐ เปิดเผยรายงานว่า เรือดำน้ำดังกล่าวสามารถยิงขีปนาวุธได้ด้วยความเร็ว 600 ไมล์/ชั่วโมง ซึ่งเร็วยิ่งกว่าความเร็วเสียง และยากแก่การที่เรือรบลาสเซนของสหรัฐจะรับมือได้ กลายเป็นการเพิ่มความตึงเครียดให้ระหว่างจีนและสหรัฐต่อข้อพิพาทในทะเลจีนใต้มากยิ่งขึ้น

ด้านสำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า พล.ร.อ.แฮร์รี ฮาร์ริส ผู้บัญชาการกองกำลังติดอาวุธภาคสมุทรแปซิฟิกของสหรัฐ มีกำหนดการเดินทางไปพบกับสมาชิกอาวุโสในกองทัพเรือของจีนในวันที่ 2 พ.ย.นี้

การเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่ พล.ร.อ.อูเชงลี่ ผู้บัญชาการกองทัพเรือจีน แสดงความกังวลว่าอาจเกิดการปะทะขึ้นในน่านน้ำทะเลจีนใต้ได้ หากสหรัฐยังคงดำเนินปฏิบัติการต่อไป โดยปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการคุกคามอธิปไตยของจีน รวมถึงยังทำลายสันติภาพและเสถียรภาพทางความมั่นคงของภูมิภาคอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ ศาลอนุญาโตตุลาการ ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เปิดเผยว่า มีอำนาจตัดสินข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ตามที่ฟิลิปปินส์ได้ ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อปี 2013 จากการกระทำของจีนที่ละเมิดกฎหมายอนุสัญญาทางทะเลของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และการอ้างแผนที่เส้นประ 9 เส้นของจีนที่แสดงกรรมสิทธิ์ในการครอบครองน่านน้ำทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด

นอกจากนี้ ศาลอนุญาโตตุลาการยังไม่รับคำร้องของจีนที่ระบุว่า ข้อพิพาทดังกล่าวเป็นเรื่องของอธิปไตย ซึ่งศาลอนุญาโตตุลาการไม่มีอำนาจในการตัดสินเรื่องดังกล่าว

ด้านกระทรวงต่างประเทศ จีนออกแถลงการณ์ไม่ยอมรับ คำตัดสินดังกล่าว และการตัดสินจะไม่เป็นผลต่อจุดยืนของจีนที่มีอำนาจอธิปไตยในน่านน้ำทะเลจีนใต้ ในขณะเดียวกันกระทรวงต่างประเทศจีนยังเรียกร้องให้ฟิลิปปินส์กลับมาหาทางออกร่วมกันด้วยการเจรจา

ทั้งนี้ จีนแสดงกรรมสิทธิ์ทับซ้อนบนพื้นที่ทะเลจีนใต้กับหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม บรูไน มาเลเซีย เป็นต้น

ภาพเอเอฟพี