posttoday

คุณทวดวัย116ปีสวนกระแสWHO เผยกินแฮมแล้วอายุยืน!

28 ตุลาคม 2558

คุณทวดวัย116ปีสวนกระแสWHO เผยกินแฮม-นอนหลับเพียงพอแล้วอายุยืนได้

คุณทวดวัย116ปีสวนกระแสWHO เผยกินแฮม-นอนหลับเพียงพอแล้วอายุยืนได้

เมื่อไม่นานมานี้ กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส ได้ประกาศให้ ซูซานนาห์ มูแชตต์ โจนส์ คุณยายชาวอเมริกันวัย 116 ปี เป็นบุคคลที่อายุยืนที่สุดในโลก หลังจากได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เธอก็ถูกถามถึงเคล็ดลับอายุยืนยาวมาตลอด ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้หวงสูตรเด็ดเคล็ดลับแต่อย่างใด คุณยายโจนส์ เผยว่า ทุกเช้าเธอจะทานเบคอน ไข่ และกริทส์ (ลักษณะคล้ายโจ๊ก ทำจากข้าวโพดบด) ประกอบกับการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ

นอกจากเบคอนซึ่งเป็นเมนูโปรดแล้ว เคล็ดลับอีกอย่างคือการหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกาย อาทิ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ รวมถึงการอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี รายล้อมไปด้วยพลังด้านบวกและความรักจากญาติและหลานๆ 100 คน ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาพูดคุยกับเธอ

อย่างไรก็ดี เคล็ดลับอายุยืนด้วยการรับประทานเบคอนของคุณยาย ขัดกับผลการศึกษาวิจัยขององค์การอนามัยโลก (WHO) ก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ในรายงานดังกล่าวระบุว่า อาหารที่ผ่านการแปรรูปอย่างเบคอน ไส้กรอก และแฮม รวมถึงสัตว์เนื้อแดงเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ โดยเนื้อสัตว์ที่ผ่านการแปรรูปเพียง 50 ก. เทียบเท่าเบคอนประมาณ 2-3 แผ่น เพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งลำไส้ 18%

ก่อให้เกิดคำถามตามมาว่า ถ้าเนื้อสัตว์ก่อให้เกิดมะเร็ง เช่นนั้นเราควรรับประทานอะไรกันดี ซึ่งในเวลาต่อมา สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานตอบข้อสงสัยเอาไว้ว่า อาหารที่ดีที่สุดคือ อาหารเมดิเตอร์เรเนียนที่เน้นวัตถุดิบจำพวกผัก ถั่ว และผลไม้ จำกัดการบริโภคเนื้อสัตว์สีแดงและผลิตภัณฑ์จากนม อาหารชนิดนี้มีผลการวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งและโรคหัวใจ ช่วยให้สมองอ่อนเยาว์และแข็งแรงยิ่งขึ้น ในระยะยาวนอกจากร่างการจะแข็งแรงและอายุยืนยาวขึ้นแล้ว ยังช่วยลดรอบเอวและควบคุมน้ำหนักให้คงที่อีกด้วย

ในรายงานของซีเอ็นเอ็นแนะนำวิธีปรุงอาหารแนวเมดิเตอร์เรเนียนไว้ดังนี้

1.ใช้น้ำมันมะกอกแทนเนย และหลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว

2.ทานปลาและสัตว์ปีกอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

3.ทานถั่วและผลไม้เป็นของว่าง

การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพไม่จำเป็นต้องงดคาร์โบไฮเดรต แต่พยายามเลือกคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากโฮลเกรน หรือพืชเต็มเมล็ดที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต และหากชอบดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มไวน์แดง 1 แก้วในมื้อเย็นจะส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจ

หรือหากหลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์สีแดงไม่ได้ ให้เปลี่ยนจากการทานเมนูเนื้อนานๆ ครั้งแทนการทานเป็นอาหารหลัก

ทั้งนี้ ก่อนหน้ารายงานเรื่องเบคอนและไส้กรอก องค์การอนามัยโลกได้ขึ้นบัญชีสารก่อมะเร็งอีก 480 ชนิด โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม คือ กลุ่ม 1 : ก่อมะเร็งในมนุษย์ เช่น สารหนู ถ่านหิน เอทานอลในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ อาหารที่ผ่านการแปรรูป กลุ่ม 2 เอ : เป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็ง อาทิ เนื้อแดง ผู้ที่ทำงานในร้านเสริมสวยหรือโรงกลั่นน้ำมัน การทำงานเป็นกะ กลุ่ม 2 บี: สารแต่งสีม่วงแดง ผักดอง ไอระเหยจากการเชื่อมโลหะ กลุ่ม 3 : ยังจำแนกไม่ได้ว่าเป็นสารก่อมะเร็ง และกลุ่ม 4 : ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง ซึ่งมีอยู่ชนิดเดียว ได้แก่ คาโปรแลคตัม (สารเคมีที่ใช้ในการผลิตไนลอน)

ที่มา www.m2fnews.com

รูป wire.indywatch.org