posttoday

อภิมหาไต้ฝุ่นแรงสุดจ่อถล่มไต้หวัน

05 สิงหาคม 2558

ซูเปอร์ไต้ฝุ่นความเร็วลม 354 กม./ชม. จ่อเข้าพัดถล่มไต้หวัน-จีน-ตอนใต้ของญี่ปุ่น ขณะที่เอเชียเจอหางเลขเอลนินโญ่ยิ่งหนัก

ซูเปอร์ไต้ฝุ่นความเร็วลม 354 กม./ชม. จ่อเข้าพัดถล่มไต้หวัน-จีน-ตอนใต้ของญี่ปุ่น ขณะที่เอเชียเจอหางเลขเอลนินโญ่ยิ่งหนัก

ระยะนี้พายุฝนฟ้าพัดกระหน่ำหลายประเทศจนเกิดอุทกภัยคร่าชีวิตประชาชนไปนับร้อยราย และภายในวันพฤหัสบดีนี้จะเกิดพายุอีกลูกหนึ่งพัดเข้าถล่มไต้หวัน จีน และตอนใต้ของญี่ปุ่น ด้วยความแรงระดับ “ซูเปอร์ไต้ฝุ่น” ทั้งยังมีแนวโน้มว่าพายุลูกนี้จะยิ่งเพิ่มความรุนแรงของปรากฏการณ์เอลนินโญ่ที่เอเชียกำลังเผชิญอยู่ให้หนักหน่วงยิ่งขึ้น

พายุลูกที่ว่าคือ ซูเปอร์ไต้ฝุ่นเซาเดโลร์ ซึ่งหมายถึง ชื่อหัวหน้าเผ่าในตำนานของเกาะโปนเปในประเทศไมโครนีเซีย ศูนย์เตือนภัยไต้ฝุ่นของสหรัฐ รายงานว่า พายุลูกนี้กำลังมุ่งหน้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกด้วยความเร็วลมที่ 354 กม./ชม. นับเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดของปีนี้ และรุนแรงกว่าซูเปอร์ไต้ฝุ่นฮากูปิตของปีที่ผ่านมาที่พัดเข้าประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีแรงลมสูงสุดเพียง 289 กม./ชม.

ก่อนหน้านี้เซาเดโลร์พัดถล่มเกาะนอร์ทเทิร์นมาเรียน่าในมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประชาชนต้องอพยพไปอยู่ในที่พักพิงชั่วคราวในสภาพที่น้ำและกระแสไฟฟ้าถูกตัด จนในวันต่อมาทางการต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยข้อมูลดาวเทียมขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือนาซา รายงานปริมาณสายฝนเฉลี่ยวัดได้ถึง 58 มม./ชม.

แอนดรูว์ วัตคินส์ หัวหน้าหน่วยพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลีย เผยว่า ความรุนแรงของซูเปอร์ไต้ฝุ่นลูกนี้ ยังอาจเพิ่มพลังให้กับปรากฏการณ์เอลนินโญ่ที่กำลังส่งผลกระทบในระดับปานกลางถึงรุนแรงบริเวณตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก รวมทั้งในประเทศไทย เนื่องจากกระแสลมของพายุจะทำให้ลมสินค้าและกระแสน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์เอลนินโญ่เปลี่ยนทิศทาง ผลลัพธ์คืออุณหภูมิของพื้นที่ทางตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกจะสูงขึ้น ปริมาณฝนในออสเตรเลียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะลดลง ความแห้งแล้งจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดจากกรมอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย ยังชี้ให้เห็นว่า อุณหภูมิผิวน้ำทะเลเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 องศาเซลเซียส ทำให้ปรากฏการณ์เอลนินโญ่ส่งผลกระทบรุนแรงขึ้น และจะยังคงอยู่จนถึงช่วงต้นปีหน้า

ภาพ : เอเอฟพี

ที่มา www.m2fnews.com