ซิตี้กรุ๊ปชี้น้ำมันดิ่งแตะ20เหรียญ

ซิตี้กรุ๊ปคาดราคาน้ำมันอาจจะร่วงแตะระดับ 20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังซัพพลายยังล้นตลาด

ซิตี้กรุ๊ป วาณิชธนกิจรายใหญ่จากสหรัฐเปิดเผยรายงานเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมานั้นเป็น “เพียงความเคลื่อนไหวหลอก” (เฮด-เฟก) มากกว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของราคาน้ำมัน และระบุว่า น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสที่ซื้อขายอยู่ที่ราว 52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในขณะนี้อาจจะปรับตัวลดไปแตะระดับที่ 20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง

“เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกว่าเป็นจุดต่ำสุด ซึ่งเป็นผลมาจากซัพพลายที่มากเกินไปและข้อมูลทางเศรษฐกิจ โดยราคาจะร่วงลงไปต่ำกว่า 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และบางทีอาจจะร่วงลงไปอยู่ที่ 20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในช่วงเวลาหนึ่ง”นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ป ระบุ

ขณะเดียวกัน เอ็ดเวิร์ด มอร์ส หัวหน้าทีมวิจัยด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของซิตี้กรุ๊ป ระบุว่า แม้ว่าการปรับตัวลดลงของการใช้จ่ายของโลกจะได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐยังคงเพิ่มขึ้น ส่วนบราซิล และรัสเซียยังคงผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกัน ซาอุดิอาระเบีย อิรัก และอิหร่าน ก็พยายามปกป้องส่วนแบ่งทางการตลาด โดยการลดราคาน้ำมันให้กับเอเชีย

มอร์ส ยังระบุด้วยว่า การลดกำลังการผลิตมีแนวโน้มจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงไตรมาส 3 ของปีนี้ และการผลิตเชลออยล์ของสหรัฐนั้นได้ทำลายความสามารถในการปรับเปลี่ยนราคา และเพิ่มผลกำไรสูงสุดให้กับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)

“ดูเหมือนว่าไม่มีแนวโน้มที่โอเปกจะกลับมาทำธุรกิจในแบบเดิมๆ ได้”มอร์ส ระบุ

นอกจากนี้แล้ว ซิตี้กรุ๊ปยังได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ในปีนี้ลงเหลืออยู่ที่ 54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล นับเป็นการปรับลดคาดการณ์เป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้

ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) เปิดเผยรายงานระบุว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวขึ้นเพียงไม่มาก โดยราคาจะปรับเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ที่ราว 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ไปอยู่ที่ 73 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในปี 2020 ซึ่งระดับดังกล่าวนับว่าอยู่ต่ำกว่าระดับมากกว่า 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เมื่อปีที่แล้วอยู่มาก

“ตลาดน้ำมันโลกดูเหมือนว่าจะเข้าสู่บทใหม่ของประวัติศาสตร์ โดยมีทั้งการเปลี่ยนแปลงในความต้องการอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงในด้านการค้าน้ำมันและซัพพลาย รวมไปถึงบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปของประเทศในโอเปกและนอกโอเปกในการกำหนดซัพพลาย”รายงานของไออีเอ ระบุ

ทั้งนี้ แม้ว่าราคาน้ำมันที่ลดลงจะเป็นผลดีต่อประเทศที่บริโภคน้ำมัน แต่ไออีเอระบุว่า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะอยู่ในระดับปานกลางมากกว่า อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกยังคงได้รับผลกระทบจากวิกฤตทางเศรษฐกิจในปี 2008 และการลงทุนที่อ่อนแอ

นอกจากนี้ อีไอเอยังประเมินด้วยว่า สหรัฐจะยังคงเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่ทำให้ซัพพลายน้ำมันของโลกเพิ่มขึ้นไปจนถึงปี 2020 อีกด้วย