posttoday

ฮ่องกงเปิดศึกออนไลน์ "แฮกเกอร์ใหญ่" ชนจีน

13 ตุลาคม 2557

ขบวนการแฮกเกอร์นิรนามประกาศสนับสนุนผู้ชุมนุมประท้วงฮ่องกง เปิดฉากโจมตีเว็บไซต์รัฐบาลจีน

ขบวนการแฮกเกอร์นิรนามประกาศสนับสนุนผู้ชุมนุมประท้วงฮ่องกง เปิดฉากโจมตีเว็บไซต์รัฐบาลจีน

การชุมนุมประท้วงรัฐบาลจีนและเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ยังไม่ถึงกาลอวสานง่ายๆ แม้แรงจะเริ่มแผ่วลงไปบ้าง ล่าสุด มีการเปิดสมรภูมิอีกด้านแล้ว เมื่อกลุ่ม “เอโนนิมัส” (Anonymous) หรือ ขบวนการแฮกเกอร์นิรนาม ประกาศสนับสนุนผู้ชุมนุมประท้วงที่ฮ่องกง และเริ่มทำการโจมตีเว็บไซต์ของรัฐบาลจีนอย่างต่อเนื่อง

ก่อนหน้านี้ กลุ่มเอโนนิมัส มีแถลงการณ์ประกาศจุดยืนออกมาว่า ได้รับทราบกระแสเรียกร้องของผู้ประท้วงในฮ่องกง ที่ต้องการความช่วยเหลือ ทางกลุ่มจึงขอยืนยันว่า ชาวฮ่องกงจะมิได้ต่อสู้เพียงลำพัง เพราะพวกเขาจะร่วมยืนหยัด และช่วยเหลือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในครั้งนี้

เอโนนิมัสประกาศจุดยืนและส่งคำขู่ไปยังรัฐบาลจีนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีท่าทีใดๆ จากอีกฝ่าย รวมถึงยังไม่มีการลงมือใดๆ ทั้งสิ้น กระทั่งวานนี้จึงมีการเปิดเผยเป้าหมาย และผลลัพธ์จากการโจมตีสมรภูมิออนไลน์ในแผ่นดินจีนในที่สุด

เป้าหมายแรกของขบวนการแฮกเกอร์คือ หน่วยงานในมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งถูกฉกข้อมูลถึง 600 ประเภท ทั้งที่อยู่อีเมล ไอพีเครื่อง ชื่อเสียงเรียงนาม หมายเลขโทรศัพท์ เรียกได้ว่า หน่วยงานรัฐบาลจีนกำลังถูกเปลือยข้อมูลจนล่อนจ้อน ไม่เพียงทำให้พญามังกรต้องเสียหน้าอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังทำลายปราการเหล็กในโลกออนไลน์ ซึ่งจีนตั้งไว้ให้พังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี

สำหรับเว็บไซต์ที่ถูกโจมตีคือ เว็บไซต์เขตการค้าเสรีหนิงโป ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ อีกแห่งคือเว็บไซต์จัดหางานของอำเภอฉางซิง มณฑลเจ้อเจียง เขตนี้เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของ 3 มณฑล มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและโลจิสติกส์เช่นกัน

นี่เป็นเพียงแค่ปฏิบัติการในระดับเรียกน้ำย่อยเท่านั้น เพราะทางกลุ่มเอโนนิมัสเปิดเผยว่า สามารถเจาะเข้าระบบฐานข้อมูลของหน่วยงานรัฐบาลจีนได้แล้ว 50 แห่ง มียูสเซอร์เนมและอีเมลอยู่ในมือแล้วถึง 50,000 ชื่อ และเตรียมที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของข้าราชการ และผู้ที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ ในอีกไม่นานเกินรอ

ขณะนี้ รัฐบาลจีนยังไม่ได้แสดงท่าทีอันใดเกี่ยวกับการคุกคามของกลุ่มนักแฮกแต่เป็นที่ทราบกันดีว่า จีนมีกองทัพแฮกเกอร์ที่มีฝีมือร้ายกาจเช่นกัน การเผชิญหน้าในโลกออนไลน์ครั้งนี้จึงน่าติดตามอย่างยิ่ง

ภาพประกอบจากเอเอฟพี