posttoday

โลกน่าอยู่น้อยลงเหตุขัดแย้งปะทุหนัก

20 สิงหาคม 2557

เหตุไม่สงบและความรุนแรง ฉุดให้หลายเมืองทั่วโลกน่าอยู่น้อยลง เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน

เหตุไม่สงบและความรุนแรง ฉุดให้หลายเมืองทั่วโลกน่าอยู่น้อยลง เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน

สำนักข่าวดีพีเอ จากเยอรมนี เปิดเผยผลสำรวจจากทั่วโลกว่า ความขัดแย้งหรือการใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ ที่ปะทุขึ้นหลายพื้นที่ทั่วโลก เป็นปัจจัยที่ฉุดให้โลกใบนี้น่าอยู่น้อยลงกว่าเมื่อ 5 ปีก่อน

หน่วยงานวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจ|(อีไอยู) ในเครือนิตยสารเดอะ อีโคโนมิสต์ เปิดเผยผลสำรวจเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา อัตราเฉลี่ยด้านความเหมาะสมในการอยู่อาศัยของโลกใบนี้เริ่มลดลง โดยมีปัจจัยสำคัญที่เป็นสาเหตุในประเด็นนี้ คือ ช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ เกิดความไม่สงบเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก

หน่วยงานอีไอยูยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า จำนวนเมือง 51 แห่ง จากการสำรวจทั้งหมด 140 เมืองทั่วโลก ถูกปรับลดอันดับความเป็นเมืองที่น่าอยู่ลง อาทิ กรุงเคียฟของยูเครน เมืองตริโปลีในลิเบีย และเมืองดามัสกัสในซีเรีย ที่มีการปรับอันดับในเรื่องดังกล่าวลดลงแบบมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ การจัดอันดับความเป็นเมืองที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยนี้ ใช้เกณฑ์การพิจารณาจากหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น ความมั่นคง การดูแลสุขภาพของประชาชน วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม การศึกษา และสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

นอกจากนั้น อีไอยูยังระบุสาเหตุการปรับลดอันดับในประเด็นความเป็นอยู่ในหลายเมืองที่ยกตัวอย่างข้างต้นว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในยูเครนและตะวันออกกลาง เป็นประเด็นสำคัญที่สร้างความไม่มั่นคงให้เกิดขึ้นในทศวรรษนี้ ไล่เรียงมาตั้งแต่สงครามในอิรัก การลุกฮือของชาวปาเลสไตน์ และเหตุการณ์อาหรับ สปริง รวมถึงความไม่สงบที่เกิดขึ้นเฉพาะถิ่น อย่างการประท้วงในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา จนเกิดการรัฐประหารด้วย

อย่างไรก็ตาม อีไอยูยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่า เมลเบิร์นในออสเตรเลีย ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ตามมาด้วยเวียนนาของออสเตรีย และแวนคูเวอร์รวมถึงโตรอนโตในแคนาดา ขณะที่กรุงดามัสกัสของซีเรีย รั้งอันดับเลวร้ายที่สุดจาก 140 เมืองทั่วโลก