posttoday

ยิ่งลักษณ์จุกเจอนักข่าวต่างชาติรุกจนมุม

03 ธันวาคม 2556

อัลจาซีราห์ย้อนถาม “ให้ความสำคัญกับกฎหมาย เหตุใดจึงฉีกกฎทิ้งเองด้วย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม”

อัลจาซีราห์ย้อนถาม “ให้ความสำคัญกับกฎหมาย เหตุใดจึงฉีกกฎทิ้งเองด้วย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม”

 

นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ เวโรนิกา เพโดรซา ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีราห์ ในรายการ “ทอล์ก ทู อัลจาซีราห์” ซึ่งยิ่งลักษณ์ได้ย้ำกับสื่อต่างชาติอีกครั้งว่า สถานการณ์ความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะการประท้วงของกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งตั้งเงื่อนไขต่อรัฐบาล พร้อมวอนให้ทุกฝ่ายเห็นแก่ประเทศชาติหันหน้ามาเจรจา เพราะหากปล่อยให้การชุมนุมยืดเยื้อต่อไป ก็จะยิ่งส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติและระบบเศรษฐกิจ ประเทศชาติก็จะเสียหาย

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ตามหลักการแล้วในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กองทัพต้องฟังเสียงของตนเอง แต่ไม่อาจตอบได้ว่าในเชิงปฏิบัติจะเป็นอย่างไร โดยขอให้ผู้สื่อข่าวไปถามกองทัพเองว่ากำลังฟังเสียงของฝ่ายใดอยู่

ยิ่งลักษณ์ ยังระบุว่า ทหารจะเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ว่ารัฐประหารไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ ที่ผ่านมาเมื่อเกิดรัฐประหารแต่ละครั้ง ประเทศชาติต่างก็เจ็บปวด เศรษฐกิจได้รับผลกระทบ และยังมีการฉีกแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งยังผลมาจนถึงวันนี้ ทว่าสถานการณ์ในปัจจุบันได้เปลี่ยนไป ประเทศไทยกำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านจากยุคของรัฐประหารไปสู่ประชาธิปไตย ดังนั้น หากทุกฝ่ายรักประเทศไทย ก็ต้องให้ระบอบประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐดำเนินและคงอยู่ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีราห์ได้ตั้งคำถามสำคัญด้วยว่า นายกรัฐมนตรีดูจะให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิติรัฐและประชาธิปไตย ทว่าเหตุใด รัฐบาลจึงเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งบั่นทอนระบบนิติรัฐเสียเอง

ยิ่งลักษณ์ ได้ปฏิเสธว่าร่างดังกล่าวเสนอโดยรัฐสภา ไม่ใช่รัฐบาล และแม้ว่าสมาชิกรัฐสภาจะเป็นคนในพรรคเพื่อไทยโดยส่วนใหญ่ ทว่าพวกเขาก็เป็นตัวแทนของประชาชนซึ่งมีสิทธิในการตัดสินใจด้วยตัวเอง  นอกจากนี้ยังให้เหตุผลต่อว่าจุดมุ่งหมายสำคัญของร่างดังกล่าวก็คือ การปรองดอง ซึ่งมีตัวอย่างจากในประเทศอื่นๆ ที่จะมีการอภัยโทษให้กับเหยื่อการเมือง

“กรณีที่เกิดขึ้นกับไทยนั้น ประชาชนเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม เพียงแต่ไม่เห็นด้วยในแง่ของรายละเอียด และยังไม่เข้าใจกระจ่างชัดพอ ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากต่อต้านร่าง  พ.ร.บ. นิรโทษกรรม แต่เรื่องนี้ก็ได้จบไปแล้ว” พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการนำเรื่องกลับเข้าสู่สภาอีก

ทั้งนี้ เพโดรซา ตั้งคำถามว่าคำตอบของยิ่งลักษณ์ ถือเป็นการให้คำยืนยันจากปากของนายกรัฐมนตรีไทยได้หรือไม่ ซึ่งยิ่งลักษณ์ยืนยันว่าหากประชาชนไม่ต้องการ รัฐบาลก็พร้อมหยุด และได้ประกาศไปแล้ว โดยขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในรัฐบาลและตนเอง

สำหรับคำถามกรณีการลดช่องว่างของความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ขมขื่นและเจ็บปวดเช่นนี้ ผู้นำของไทยยังคงย้ำว่า การจะสร้างกระบวนการปรองดองซึ่งอยู่เปลี่ยนผ่านจากยุครัฐประหารนั้น จำเป็นต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งในระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาก่อน

“ประชาธิปไตยนั้นเริ่มต้นมาจากการเลือกตั้ง หลังจากที่เราได้รับเลือกตั้งเข้ามา เราก็ได้รับฉันทามติอย่างชัดเจนจากประชาชนให้เป็นรัฐบาล แต่ภาวะความขัดแย้งก็ยังไม่จบสิ้น คนที่เป็นเหยื่อจากเมื่อครั้งรัฐประหารยังคงเจ็บปวด ซึ่งยังไม่มีใครแก้ปัญหาในจุดนี้ได้ นี่จึงเป็นจุดที่ทำให้คนเห็นต่างกันอย่างสุดขั้ว และจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เราจึงต้องการเวลาเพื่อสร้างกระบวนการปรองดอง

"แต่หากช่วงเวลาที่เหมาะสมนั้นยังมาไม่ถึง คุณก็ต้องอดทนรอ เช่นที่รัฐบาลกำลังพยายามหาทางออกอย่างสันติให้ประเทศอยู่ในขณะนี้ ภายใต้หลักกฎหมาย หลักการสากล และประชาธิปไตย" นายกรัฐมนตรี กล่าว

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีราห์ ยังต้องย้ำถามยิ่งลักษณ์ถึง 2 ครั้ง หลังจากที่ไม่ได้คำตอบชัดเจนในการถามครั้งแรกว่า ฝ่ายไหนที่เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ทางการเมืองอยู่ในมือได้ในขณะนี้

“ฉันคิดว่าเป็นฝ่ายผู้ชุมนุมค่ะ เขาต้องคิดว่าอยากจะให้สถานการณ์เป็นอย่างไร และอีกฝ่ายก็คือรัฐบาล ซึ่งเราจะใช้สันติวิธีบนหลักกฎหมายและหลักปฏิบัติระหว่างประเทศ เพื่อปกป้องหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ เห็นได้ว่าตำรวจเพียงแค่พยายามปกป้องสถานที่ราชการเท่านั้นและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เราเจ็บปวดพอแล้ว ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดซ้ำ” ยิ่งลักษณ์ กล่าว

ดูคลิปฉบับเต็มได้ที่ลิงก์

http://www.aljazeera.com/programmes/talktojazeera/2013/12/yingluck-shinawatra-this-unlawful-201312284319234.html