posttoday

"บิล เกตส์" ยังครองแชมป์มหาเศรษฐีโลก

05 กันยายน 2556

บลูมเบิร์กเผยผลจัดอันดับคนรวย"บิล เกตส์" ยังครองแชมป์มหาเศรษฐีโลกมีทรัพย์สิน 72,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

บลูมเบิร์กเผยผลจัดอันดับคนรวย"บิล เกตส์" ยังครองแชมป์มหาเศรษฐีโลกมีทรัพย์สิน 72,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลก เดือนกันยายน ปี 2556 โดยบลูมเบิร์ก มิลิแนร์ ระบุว่า บิล เกตส์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ยังคงรั้งแชมป์รวยที่สุดในโลก แม้มูลค่าทรัพย์สินจะลดลง 507.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 16,227 ล้านบาท จากเมื่อเดือนพฤษภาคม โดยมีทรัพย์สิน 72,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 2.3 ล้านล้านบาท ซึ่งร่ำรวยมาจากหุ้นไมโครซอฟท์ และทรัพย์สินของเขา 25% มาจากไมโครซอฟท์

ส่วนอันดับ 2 คือ คาร์ลอส สลิม นักธุรกิจชาวเม็กซิกัน เจ้าของธุรกิจด้านการสื่อสารโทรคมนาคม มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 315.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1 หมื่นล้านบาท อันดับ 3 วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อก้องโลก ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นซีอีโอของบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 318.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 1 หมื่นล้านบาท อันดับ 4 อามันซิโอ ออร์เตกา มหาเศรษฐีของสเปน ประกอบธุรกิจหลักคือ ขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับ มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 335.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1.07 หมื่นล้านบาท

ขณะที่อันดับ 5 อิงวาร์ คัมพราด มหาเศรษฐีชาวสวีเดน เจ้าของธุรกิจระดับโลกห้างค้าเฟอร์นิเจอร์ชื่อดัง อีเกีย IKEA ผู้ที่นำพาธุรกิจของเขามาให้คนไทยได้รู้จักแล้วในวันนี้ มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 66.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 2.1 พันล้านบาท อันดับ 6 และ 7 ตกเป็นของสองพี่น้อง ชาร์ลส์ คอช และ เดวิด คอช นักธุรกิจชาวอเมริกัน เจ้าพ่อธุรกิจด้านพลังงานของบริษัท Koch Industries มีมูลค่าทรัพย์สินลดลงคนละ  10.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 332 ล้านบาท อันดับ 8 แลร์รี เอลลิสัน ซีอีโอคนดังของบริษัท "ออราเคิล" บริษัทไอทีชื่อดัง มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 193.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 6.1 พันล้านบาท

อันดับ 9 คริสตี้ วอลตัน ผู้หญิงเก่งแห่งตระกูลวอลตัน เป็นหนึ่งในผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของวอลมาร์ท มีมูลค่าทรัพย์สินลดลง 115.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3.7 พันล้านบาท และอันดับ 10 จิม วอลตัน หนึ่งในสมาชิกตระกูลวอลตัน ที่มั่งคั่งระดับโลก มีมูลค่าทรัพย์สินลดลง 121.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.8 พันล้านบาท