posttoday

เศรษฐีมาเลย์

23 มิถุนายน 2556

ใครเป็นใครในอาเซียนสัปดาห์นี้รู้จักกับ "ลี ชิน เชง" นักธุรกิจชาวมาเลเซียผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจน้ำมันปาล์ม

ใครเป็นใครในอาเซียนสัปดาห์นี้รู้จักกับ "ลี ชิน เชง" นักธุรกิจชาวมาเลเซียผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจน้ำมันปาล์ม 

ลี ชิน เชง (Lee Shin Cheng) นักธุรกิจชาวมาเลเซียผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจปาล์มน้ำมัน จนไต่ขึ้นแท่นสู่การเป็นมหาเศรษฐีที่ติดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ โดยในปี 2556 เขาถูกจัดให้เป็นผู้ร่ำรวยลำดับที่ 5 ของประเทศมาเลเซีย ด้วยมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ

เชง เจ้าของไอโอไอ กรุ๊ป (IOI Group) บริษัทผู้ผลิตปาล์มน้ำมันและผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ โดยไอโอไอ กรุ๊ป เป็นเจ้าของโรงกลั่นน้ำมันปาล์มในสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และเป็นผู้ชนะการประมูลที่ดิน 6 เอเคอร์ ในย่านใจกลางเมืองของประเทศสิงคโปร์ เพื่อใช้ก่อสร้างที่พักอาศัย มูลค่า 322 ล้านเหรียญสหรัฐ

เชงเริ่มสังเกตเห็นว่าสินทรัพย์ของเขามีมูลค่าลดลง หลังจากที่บริษัทได้ออกมาประกาศผลประกอบการที่ขยายตัวลดลง 28% ในช่วงไตรมาสแรกปี 2556 เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มอยู่ในช่วงที่อ่อนไหว

เขาจึงก้าวสู่การดำเนินธุรกิจขั้นตอนต่อไป ด้วยการก้าวเข้าสู่การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองเซียะเหมิน ประเทศจีน โดยซื้อที่ดินมูลค่า 190 ล้านเหรียญสหรัฐ และล่าสุดเขาได้เข้าซื้อกิจการ   จากหุ้นส่วนชาวไต้หวันในโครงการที่อยู่อาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ อีกทั้งยังได้ขยายกิจการเข้าไปในธุรกิจยางพาราอีกด้วย

ชีวิตของนักธุรกิจผู้นี้เติบโตขึ้นในกรุงกัวลาลัมเปอร์ตอนเหนือ ผูกพันอยู่ในธุรกิจการเพาะปลูกยางพาราและร้านขายอาหารจีนของผู้เป็นพ่อ เขาต้องออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 11 ปี เพื่อมาช่วยกิจการของครอบครัว โดยการปั่นจักรยานขายไอศกรีมเป็นระยะเวลา 4 ปี หลังจากนั้นจึงมีโอกาสกลับเข้าไปเรียนไฮสกูลจนจบ

เมื่อเรียนจบจึงได้เข้าสมัครงานในโรงงานผลิตน้ำมันปาล์ม แต่กลับถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เพราะขณะนั้นนักลงทุนจากยุโรปเป็นเจ้าของธุรกิจ เขาจึงเข้าไปสมัครงานกับโรงงานอื่นแทน จากนั้น 20 ปีผ่านไป เมื่อเชงเริ่มสะสมความร่ำรวยจนมีเงินเพียงพอ เขาจึงได้เข้าซื้อกิจการโรงงานที่ปฏิเสธเขาเข้าทำงานในครั้งนั้นมาเป็นเจ้าของ

เขาได้กล่าวว่า ในวันที่ได้ซื้อกิจการที่เขาเคยไปสมัครงานมาเป็นเจ้าของ ถือเป็นวันที่มีความสุขมากวันหนึ่ง เพราะว่าตอนนั้นเขาถูกปฏิเสธเนื่องจากไม่ผ่านคุณสมบัติของบริษัท แต่ในทางกลับกันหากในวันนั้นบริษัทดังกล่าวรับเขาเข้าทำงาน เขาก็จะไม่มีโอกาสที่จะเป็นเจ้าของบริษัทเหมือนเช่นในวันนี้ และการเป็นเจ้าของบริษัทก็ถือเป็นก้าวที่สำคัญในวงการธุรกิจ