posttoday

จีนยกเครื่อง!ยุบกระทรวงแว-ขจัดคอร์รัปชัน

11 มีนาคม 2556

จีนเดินหน้ายกเครื่องราชการทั้งระบบ โละ-ละ-เลิก หน่วยงานมีปัญหา หวังเพิ่มประสิทธิภาพ แก้ปัญหาคอร์รัปชัน

จีนเดินหน้ายกเครื่องราชการทั้งระบบ โละ-ละ-เลิก หน่วยงานมีปัญหา หวังเพิ่มประสิทธิภาพ แก้ปัญหาคอร์รัปชัน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการจีนประกาศแผนปรับโครงสร้างหน่วยงานรัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 15 ปี โดยมีคำสั่งให้ยุบกระทรวงรถไฟ ซึ่งมีเรื่องอื้อฉาวด้านการคอร์รัปชัน มีคำสั่งควบรวมคณะกรรมการวางแผนครอบครัวเข้ากับกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งเพิ่มอำนาจให้สำนักงานอาหารและยา รวมถึงสำนักงานพลังงานแห่งชาติให้มากขึ้น ซึ่งนับเป็นการวางทิศทางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดปัญหาการคอร์รัปชัน รับว่าที่ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ซึ่งจะขึ้นรับตำแหน่งในสัปดาห์นี้

หม่าไค เลขาธิการคณะรัฐมนตรีจีน แถลงต่อที่ประชุมสมัชชาประชาชนจีนว่า รัฐบาลจะยุบกระทรวงรถไฟ โดยผ่าตัดออกเป็นฝ่ายบริหารและฝ่ายพาณิชย์ ให้ฝ่ายบริหารไปอยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงคมนาคม ขณะที่ฝ่ายพาณิชย์จะอยู่ภายใต้สำนักงานที่จัดตั้งขึ้นใหม่ โดยกระทรวงการรถไฟของจีนนั้นเผชิญปัญหาหลายอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาทิ การคอร์รัปชัน ภาระหนี้สินจากโครงการรถไฟความเร็วสูง และปัญหาการจัดการของเสีย ขณะที่รัฐบาลเคยระบุก่อนหน้านี้ว่าจะเปิดอุตสาหกรรมการรถไฟให้เอกชนเข้ามาลงทุนได้

ขณะเดียวกัน ทางการจีนยังยุบคณะกรรมการวางแผนครอบครัวให้รวมกับกระทรวงสาธารณสุข หลังจากที่หน่วยงานดังกล่าวไม่เป็นที่ชื่นชมของประชาชน โดยมีข่าวอื้อฉาวบังคับให้ผู้หญิงทำแท้งเพื่อควบคุมจำนวนประชากรภายใต้นโยบายลูกคนเดียวของจีน โดยเฉพาะกรณีบังคับหญิงท้อง 7 เดือนให้ทำแท้ง เมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มอำนาจให้สำนักงานอาหารและยา เพื่อหวังแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยในอาหาร หลังพบปัญหาการปนเปื้อนในนมและสินค้าหลายอย่าง ซึ่งเป็นข่าวที่กระทบต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของจีนอย่างหนักในช่วงหลายปีมานี้

การปฏิรูปครั้งนี้นับเป็นการผ่าโครงสร้างรัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2541 ในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรี จูหรงจี โดยรัฐบาลต้องการลดจำนวนรัฐมนตรีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และแก้ปัญหาเรื่องการทำงานของข้าราชการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะที่ บลูมเบิร์ก ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจมีขึ้นเพื่อเปิดทางให้ว่าที่ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ซึ่งจะขึ้นรับตำแหน่งในวันที่ 14 มี.ค.นี้ มีอำนาจจัดการหน่วยงานสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของจีนโดยตรงมากขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจจีนในปีที่แล้วขยายตัวได้ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2542

“ในทุกๆ 10 ปี จะมีผู้นำรุ่นใหม่ก้าวขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งอย่างน้อยที่สุดในช่วงต้นของการก้าวขึ้นมานั้น พวกเขาต้องแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าพวกเขาต้องการเปลี่ยนแปลง ขณะนี้กำลังมีความหวังถึงการเปลี่ยนแปลงในจีน เนื่องจากมีแรงกดดันภายในและความท้าทายจากต่างประเทศมากขึ้น ทำให้บรรดาผู้นำใหม่ของจีนตระหนักถึงได้” ติงซื่อหลิง ศาสตราจารย์ด้านการเมืองจีนจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง กล่าว