ตลาดแรงงานมะกันยังไม่กระเตื้อง

จ้างงานสหรัฐเดือน ธ.ค. ยังโตช้า เพิ่มแค่ 1.5 แสนอัตรา กูรูเตือนแผนเลี่ยงหน้าผาการคลัง อาจไม่ช่วยฟื้นว่างงาน-กอบกู้เศรษฐกิจ

เอเอฟพีรายงานอ้างการเปิดเผยของกระทรวงแรงงานสหรัฐว่า การจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐในเดือน ธ.ค. เพิ่มอีก 1.55 แสนตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานคงที่ 7.8% สะท้อนถึงการขยายตัวในตลาดแรงงานที่ยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแผนเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (ฟิสคัล คลิฟ) ของสภาคองเกรสที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์

รายงานระบุว่า แนวโน้มการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐในเดือน ธ.ค. มีระดับใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยรายเดือนในปี 2555 ที่ 1.53 แสนตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับการเติบโตที่ไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เห็นได้จากจำนวนผู้ว่างงานในระยะยาวแทบไม่เปลี่ยนแปลง โดยคงที่ราว 4.8 ล้านคน จากจำนวนผู้ว่างงานทั้งหมดที่ราว 12.2 ล้านคน

ทั้งนี้ ภายหลังการเปิดเผยรายงาน ทำเนียบขาวระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานล่าสุดสะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมย้ำว่า ข้อตกลงหลีกเลี่ยงหน้าผาการคลัง (ฟิสคัล คลิฟ) ซึ่งมีการต่ออายุการลดหย่อนภาษีจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการ เนื่องจากทำให้มีการลงทุนและการจ้างงานเพิ่มต่อเนื่อง

ความเห็นดังกล่าวนับว่าสวนทางกับบรรดานักวิเคราะห์ ซึ่งรวมถึง ไนเจล กอลต์ จากไอเอชเอส โกลบอล อินไซด์ ที่มองว่า ข้อตกลงดังกล่าวอาจส่งผลเชิงลบแก่เศรษฐกิจโดยตรง เนื่องจากไม่ครอบคลุมการยืดอายุมาตรการลดหย่อนภาษีเพย์โรล หรือเงินที่หักจากเงินเดือน ส่งผลให้ชาวอเมริกันที่มีรายได้ทุกคนจะต้องเสียภาษีเพย์โรลเพิ่มขึ้นที่ระดับ 6.2% จาก 4.2% ที่เคยเสียเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา

“ภาษีเพย์โรลที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้ของชาวอเมริกันลดน้อยลง และอาจกระทบต่อยอดการใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงได้” ผู้เชี่ยวชาญจากไอเอชเอส โกลบอล อินไซด์ กล่าว

นอกจากนี้ แนวโน้มการจ้างงานที่ยังเชื่องช้ายังสร้างความกดดันแก่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในส่วนของการกำหนดเส้นตายการใช้มาตรการผ่อนปรนเชิงปริมาณรอบ 3 (คิวอี 3) ว่าควรดำเนินต่อไปจนเศรษฐกิจฟื้นตัวและอัตราว่างงานลดต่ำกว่า 6.5% ตามแผนที่วางไว้หรือไม่ หลังเกิดความกังวลว่า การบังคับใช้คิวอี 3 ต่อไปอาจส่งผลกระทบต่อดุลบัญชีของธนาคารกลางได้

ด้านกระแสตอบรับข้อตกลงหลีกเลี่ยงหน้าผาการคลังนั้นยังคงเป็นไปในเชิงลบ ล่าสุดสำนักงบประมาณรัฐสภาสหรัฐ (ซีบีโอ) เผยว่า แผนดังกล่าวทำให้ภาครัฐแบกรับหนี้เพิ่มอีก 4.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับการยอมตกหน้าผาการคลัง เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเข้ารัฐยังไม่เพียงพอ