ญี่ปุ่นระส่ำหนัก!ศก.ถดถอย

วิกฤตเศรษฐกิจโลกพ่นพิษไม่หยุด ฉุดญี่ปุ่นเข้าสู่ถดถอย ขณะที่การค้าจีนสะดุด ยอดเกินดุลดิ่งฮวบ 38%

เศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งมีขนาดใหญ่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก กำลังอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง หลังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประกาศปรับลดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.ของปีนี้ว่า หดตัวลง 0.9% ซึ่งเป็นการหดตัวลงติดต่อกันเป็นไตรมาส 2 จากที่ติดลบ 0% ในไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว

ปัจจัยที่ส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัว เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอจากวิกฤตหนี้ยุโรปและเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังไม่ฟื้น ทำให้ความต้องการสินค้าจากต่างประเทศลดลง กระทบต่อเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักโดยตรง

นอกจากนี้ ทิศทางตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ของญี่ปุ่นอยู่ในช่วงขาลง ตั้งแต่ยอดเกินดุลการค้าเดือน ต.ค. ดิ่งลง 29.4% ตลอดจนดัชนีความเชื่อมั่นทั้งของผู้บริโภคและภาคธุรกิจเดือน พ.ย. อยู่ในภาวะผันผวนทั้งสิ้น ส่งผลให้นักวิเคราะห์มองว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสนี้อาจหดตัวลงต่อเนื่อง จากยอดส่งออกไปยังจีน ซึ่งเป็นตลาดสำคัญ ยังชะงักงันจากข้อพิพาทหมู่เกาะทะเลจีนตะวันออก

ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่หดตัวต่อเนื่องที่ 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน อาจกดดันให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ต้องเร่งผ่อนปรนมาตรการทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้งภายในเดือน ม.ค. ซึ่งบีโอเจจะประชุมกันในวันที่ 19-20 ธ.ค.

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่อยู่ในช่วงขาลง ไม่ต่างอะไรกับเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก หลังทางการเปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการค้าเดือน พ.ย. ดิ่งหนัก 38.6% จากเดือน ต.ค. หลังยอดส่งออกขยายตัวเมื่อเทียบเป็นปีต่อปีได้เพียง 2.9% ซึ่งดิ่งลงรุนแรงจากเดือน ต.ค. ที่โตได้ถึง 11.6% ขณะที่ยอดนำเข้าขยายตัว 2% หลังเพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือน ต.ค.

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ส่งผลให้นักวิเคราะห์ระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจจีนที่ดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือน ส.ค. เช่น ดัชนีค้าปลีก ซึ่งวัดระดับการใช้จ่ายของผู้บริโภคเดือน พ.ย. ปรับขึ้น 14.9% ตลอดจนถึงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่ดีดขึ้น 10.1% จากเดือน ต.ค.ที่ 9.6% นั้น เป็นแนวโน้มการเติบโตที่ไม่ยั่งยืน เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดสำคัญ ยังคงอ่อนแอ

วันเดียวกัน สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีคนใหม่ของจีน ประกาศระหว่างการเยือน มณฑลกวางตุ้ง ว่า พร้อมปฏิรูปเศรษฐกิจและสร้างความแข็งแกร่งในระบบกฎหมาย พร้อมเดินหน้าผ่อนปรนข้อจำกัดการเข้าถึงข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยตลอด สะท้อนว่าสังคมจีนภายใต้การนำของผู้นำรุ่นที่ 5 มีแนวโน้มเปิดกว้างยิ่งขึ้น