สีจิ้นผิงกางแผนปฏิรูปปลายปี56

เผยผู้นำใหม่จีนอาจเริ่มแผนปฏิรูปเศรษฐกิจเสรีมากขึ้นในปลายปีหน้า เหตุกลไกการแทรกแซง-ใช้รัฐวิสาหกิจนำ เริ่มเสื่อมมนต์

หลี่เจียง รองประธานรัฐวิสาหกิจด้านการลงทุนเซ็นทรัล หุยจิน อินเวสต์เมนต์ ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจที่ใหญ่ที่สุดของจีน เปิดเผยว่า คณะผู้บริหารประเทศชุดใหม่ นำโดยว่าที่ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง มีแนวโน้มจะเปิดเผยแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจในแนวทางกลไกตลาดมากขึ้นในช่วงปลายปี 2556 ซึ่งประกอบไปด้วย การลดบทบาทในการแทรกแซงกลไกเศรษฐกิจของรัฐและการลดบทบาทของรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่ครอบงำภาคเศรษฐกิจและธุรกิจประเทศให้น้อยลง

รองประธานวาณิชธนกิจเบอร์ 1 ของประเทศ กล่าวว่า การก้าวขึ้นมาบริหารประเทศของคณะผู้นำชุดใหม่ที่มาพร้อมความท้าทายนานัปการ เช่น การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ช่องว่างรายได้ และสังคมผู้สูงอายุ จะต้องเร่งสร้างความเปลี่ยนแปลง เนื่องจากแนวทางการแทรกแซงกลไกเศรษฐกิจโดยรัฐที่มีมากเกินไป เห็นได้จากการมีกฎระเบียบควบคุมราคาสินค้าที่ตรึงตัวมากเกินไปในช่วง 2 ปีหลังที่ผ่านมา ซึ่งไม่สามารถใช้ได้ผลอีกต่อไปแล้ว

“เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น บรรดาร้านค้า ผู้ประกอบการ ผู้ผลิต จะได้รับโทรศัพท์จากทางการเพื่อบอกว่าอย่าขึ้นราคาสินค้า แต่ในความเป็นจริงนั้น พวกร้านค้าจะไม่ขึ้นราคาสินค้า เช่น เนื้อหมู ได้อย่างไร ในเมื่อราคาหมูกำลังแพงขึ้น” หลี่เจียง กล่าว ในีที่ประชุมการเงินระหว่างประเทศประจำปี

ขณะที่ โจวเสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ซึ่งมีแนวโน้มจะเกษียณออกจากตำแหน่งในเร็วๆ นี้ กล่าวในเวทีการประชุมเดียวกันว่า เป้าหมายต่อไปของธนาคารกลางจีนก็คือการปฏิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวน

ทั้งนี้ คำกล่าวของผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเป็นการตอกย้ำในสิ่งที่ประธานาธิบดี หูจิ่นเทา ได้กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งระบุว่า จะส่งเสริมให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนเพื่อใช้ในการลงทุนทั้งขาเข้าและออกประเทศให้มีความสะดวกมากขึ้น รวมถึงทำให้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศให้เป็นไปตามกลไกตลาดเสรีมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม โจวเสี่ยวฉวน กล่าวว่า การปฏิรูปทั้งหมดของผู้นำชุดใหม่อาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากทุกฝ่ายยังไม่เห็นพ้องตรงกันเกี่ยวกับรายละเอียดของแผนปฏิรูป อีกทั้งจีนเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่และมีความเหลื่อมล้ำกันสูง จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลงมือปฏิบัติ