มะกันพบลมหายใจต้นเหตุทำพนักงานง่วง

ทีมนักวิทยาศาสตร์สหรัฐพบลมหายใจมนุษย์ในอาคารต้นตอก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำพนักงานในอาคารง่วงนอน 

ภาพประอบจากอินเทอร์เน็ต

ข่าวนี้คงทำให้บรรดาพนักงานออฟฟิศซึ่งมักง่วงเหงาหาวนอนในช่วงบ่ายอยู่บ่อยๆ มีเหตุเลิกโทษตัวเองได้เสียที เพราะผลการศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐ พบว่า ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในสถานที่ทำงานมีผลกระทบต่อสมาธิ ความง่วง และความสามารถในการตัดสินใจ

ทั้งนี้ แหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ในร่มแหล่งใหญ่ที่สุดก็คือลมหายใจออกของมนุษย์ โดยขณะที่บริเวณภายนอกอาคารจะมีก๊าซคาร์บอนฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 380 ส่วนในล้านส่วน บรรยากาศภายในสำนักงานหรือห้องเรียนอาจมีสูงกว่าหลายพันส่วนในล้านส่วน

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กและจากสถาบันแล็บแห่งชาติลอว์เรนซ์ เบิร์คเลย์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย อธิบายว่า ตามปกติแล้ว ปริมาณความหนาแน่นของก๊าซคาร์บอนฯ ที่เหมาะสมภายในอาคารไม่ควรเกิน 1,000 ส่วนใน|ล้านส่วน

ทว่า อาคารส่วนใหญ่ล้วนมีความหนาแน่นของก๊าซคาร์บอนฯ เกินกว่าที่ค่าเฉลี่ยกำหนดทั้งสิ้น เช่น ภายในห้องทำงานมักจะพบความหนาแน่นของก๊าซคาร์บอนฯ สูงเกิน 1,000 ส่วนในล้านส่วน ขณะที่บางจังหวะโอกาส อย่างช่วงที่มีการประชุม ปริมาณก๊าซคาร์บอนฯ มีสิทธิพุ่งเกินกว่า 3,000 ส่วนในล้านส่วน

อย่างไรก็ตาม แม้ปริมาณที่ระบุข้างต้นจะไม่ส่งผลอันตรายใดๆ ต่อสุขภาพ กระนั้นปริมาณดังกล่าวก็เพียงพอที่จะส่งผลต่อความสามารถในการคิดและตัดสินใจ รวมถึงความง่วงของคน

งานนี้ ทีมนักวิจัยยอมรับว่าประหลาดใจไม่น้อยกับผลกระทบที่ก๊าซคาร์บอนฯ มีต่อความสามารถในการทำงาน โดยการทดลองพบว่าศักยภาพในการทำงานของอาสาสมัครลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากการทดสอบ 6 ใน 9 ครั้ง ขณะที่ศักยภาพในการทำงานจะลดลงอีก หากความหนาแน่นของก๊าซคาร์บอนฯ พุ่งถึง 2,500 ส่วนในล้านส่วน

อย่างไรก็ตาม แม้การวิจัยในครั้งนี้จะไม่ได้ศึกษาความสามารถในการเรียนโดยตรง แต่นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเป็นไปได้มากที่ห้องเรียนซึ่งมีระบบระบายอากาศแย่ จะกระทบต่อความสามารถของนักเรียนนักศึกษาในการเรียนและการทำข้อสอบต่างๆ อีกด้วย

ทั้งนี้ รายงานการศึกษาระบุชัดว่า เหตุที่ปริมาณก๊าซคาร์บอนฯ ภายในอาคารมีมากกว่าภายนอก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากระบบระบายอากาศที่เลวร้ายตามอาคารต่างๆ ทำให้ก๊าซคาร์บอนฯ ที่มนุษย์ปล่อยออกมาลอยอบอวลอยู่ภายในห้อง

ขณะที่ระบบระบายอากาศแย่เป็นผลมาจากการเดินหน้าตัดลดงบประมาณเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายของหน่วยงานต่างๆ นั่นเอง

งานนี้ ผลวิจัยของทีมนักวิทยาศาสตร์สหรัฐกลุ่มนี้จึงสรุปไว้อย่างน่าฟังว่า ควรประหยัดในสิ่งที่ควรประหยัด เนื่องจากเมื่อพนักงานไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ทางบริษัทผู้ว่าจ้างไม่พ้นต้องมีเหตุสิ้นเปลืองเสียเปล่าอยู่ดี