สื่อนอกแฉเจ้าหน้าที่ไทยพัวพันค้าสัตว์ป่า

เอพี แฉนักลักลอบค้าสัตว์ป่าในไทยอยู่เหนือกฎหมาย เหตุเครือข่ายโยงใยผู้มีอิทธิพล-เจ้าหน้าที่รัฐ

สำนักข่าวเอพีเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าในไทย เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ว่าสาเหตุที่ขบวนการดังกล่าว ไม่ได้รับการแก้ไขและปราบปรามอย่างจริงจัง จนทวีความรุนแรงต่อเนื่องนั้น เป็นผลมาจากการที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐของไทย เข้าไปมีส่วนพัวพันและเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ส่งผลให้ กลุ่มผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่ากลายเป็นกลุ่มที่อยู่ ‘เหนือกฎหมาย’ ที่ไม่สามารถปราบปรามและกำจัดอย่างเด็ดขาดได้

รายงานระบุว่า ถึงแม้ว่าตลอด 6 ปีที่ผ่านมา มีการออกกฎข้อบังคับทางกฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้น เห็นได้จากมีการจับกุมและยึดของกลางจำนวนมากแต่ทว่า มีแต่เพียงลูกสมุนเท่านั้น ที่ถูกจับกุมพร้อมกับของกลาง

“บรรดาหัวหน้าขบวนการรายใหญ่ส่วนใหญ่ก็ยังคงลอยนวล โดยที่ลูกสมุนที่ถูกจับก็จะถูกแทนที่ด้วยลูกน้องชุดใหม่ที่พร้อมจะร่วมขบวนการอย่างต่อเนื่อง” เกลสเตอร์ หนึ่งในสมาชิกมูลนิธิฟรีแลนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านการค้าสิ่งผิดกฎหมายกล่าว

ผู้เขียนยังได้ยกตัวอย่างกรณีของ เจ้าของสวนสัตว์แห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวคุ้มครองสัตว์ป่ากล่าวหาว่า เป็นหนึ่งในผู้ลักลอบค้าเสือโคร่งรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รายงานระบุว่า ถึงแม้ว่า เจ้าของสวนสัตว์ดังกล่าวจะถูกจับถึงสองครั้ง โดยที่มีพยานและหลักฐานมัดตัวอย่างแน่นหนา ไม่ว่าจะเป็นคำให้การของผู้ช่วยส่วนตัว ประกอบกับหลักฐานการตรวจดีเอ็นเอของลูกเสือโคร่งจำนวน 2 ตัว ซึ่งไม่มีใบอนุญาตครอบครอง พบว่าเสือโคร่งดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกันเป็นลูกของเสือโคร่งเพศเมียที่เจ้าของสวนสัตว์ครอบครองไว้ แต่ในปัจจุบันเจ้าของสวนสัตว์รายนี้ยังคงเป็นอิสระและไม่เคยถูกดำเนินคดีอีกด้วย

"สามีของเจ้าของสวนสัตว์ค่อนข้างเป็นนายตำรวจที่ทรงอิทธิพล ทำให้ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนไหนอยากเข้าไปยุ่งในคดีดังกล่าว เพราะจากเมื่อครั้งที่ถูกจับกุมเป็นครั้งที่สอง เจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้นถูกสั่งย้ายในทันที" รายงานระบุโดยอ้างคำกล่าวของนายอรรถพล สุดสาย สารวัตรกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม