posttoday

อีโคโนมิสต์จวกนโยบายจำนำข้าว

18 กรกฎาคม 2555

สื่อนอกวิจารณ์นโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลไทย เตือนไม่โปร่งใส แถมไทยอาจเสียตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่สุดของโลก

สื่อนอกวิจารณ์นโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลไทย เตือนไม่โปร่งใส แถมไทยอาจเสียตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่สุดของโลก

เว็บไซต์นิตยสารดิอีโคโนมิสต์ ออกโรงวิพากษ์วิจารณ์ 'โครงการรับจำนำข้าว' ของรัฐบาลไทย โดยได้ตั้งคำถามถึงความโปร่งใส ประโยชน์ ตลอดจนความยั่งยืนของโครงการประชานิยมดังกล่าว พร้อมเตือนว่า ความนิยมในรัฐบาลเสี่ยงดิ่งลงอย่างรุนแรงหากโครงการดังกล่าวล้มเหลว ขณะที่ราคาข้าวไทยที่พุ่งสูงขึ้นอาจส่งผลให้ไทยต้องสูญเสียสถานะผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่สุดของโลกให้กับเวียดนามหรืออินเดียในอนาคตอันใกล้

อีโคโนมิสต์จวกนโยบายจำนำข้าว

รายงานระบุว่า ปัญหาหลักของโครงการดังกล่าวคือ การขาดความโปร่งใส อาทิเช่น ปริมาณข้าวที่รัฐบาลเก็บสต็อก ช่วงเวลาที่รัฐบาลระบายข้าวออกสู่ตลาด ตลอดจนราคาที่ขาย ซึ่งท้ายที่สุด จะส่งผลกระทบต่อประโยชน์ที่ชาวนาจะได้รับ และอนาคตของตัวโครงการเอง

ทั้งนี้ ปัจจุบัน รัฐบาลไทยกำลังเก็บสต็อกข้าวในปริมาณมหาศาล โดยตัวเลขคาดการณ์ระบุว่า ปริมาณนั้นอาจสูงถึง 10 ล้านตัน นักวิเคราะห์แสดงความเห็นว่า การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ผิดพลาดตั้งแต่แรก เพราะไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยดันราคาข้าวในตลาดโลกให้สูงตามที่รัฐบาลได้คาดการณ์ไว้ แต่ยังส่งผลให้รัฐบาลเริ่มประสบปัญหาโกดังล้นจนในที่สุดอาจมีโกดังเก็บสต็อกข้าวไม่เพียงพอ

ขณะเดียวกัน การเก็บสต็อกข้าวก็กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อบรรดาผู้ส่งออกข้าวรายย่อยของไทย

"การเก็บสต็อกข้าวในปริมาณมหาศาลของรัฐบาลกำลังบั่นทอนศักยภาพในการส่งออกของบรรดาผู้ส่งออกข้าวรายย่อยอย่างหนัก โดยไม่เพียงแต่จะเหลือข้าวให้ขายน้อยแล้ว แต่กลุ่มนี้ยังต้องเจอปัญหาราคาข้าวสูงอีกด้วย ซึ่งทำให้ขายได้ยาก"รายงานระบุ พร้อมเตือนว่า ผู้ส่งออกหลายรายอาจประสบวิกฤตถึงขั้นธุรกิจเสียหายได้

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ความล้มเหลวของโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอาจหมายถึงคะแนนนิยมที่ลดลง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมีสิทธิได้หวนคืนสู่อำนาจอีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังเตือนว่า นโยบายดังกล่าวจะส่งผลให้ไทย ซึ่งเป็นส่งออกข้าวรายใหญ่สุดของโลกมานานถึง 30 ปี ต้องเสียตำแหน่งดังกล่าวให้กับเวียดนามหรืออินเดีย เนื่องจากปัจจุบัน ราคาข้าวไทยสูงขึ้นกว่าประเทศอื่นๆ มาก โดยอยู่ที่ 500 เหรียญสหรัฐ (ราว 15,000 บาท) ต่อตัน ขณะที่ราคาข้าวของคู่แข่งอยู่ระหว่าง 200300 เหรียญสหรัฐ (ราว 6,000-9,000 บาท) โดยตัวเลขล่าสุดของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ระบุว่า การส่งออกข้าวของไทยดิ่งลงอย่างหนักถึง 44% ในปีนี้

นอกจากราคาข้าวไทยจะสูงกว่าคู่แข่งแล้ว แต่ขณะเดียวกัน ประเทศผู้ส่งออกข้าวรายอื่นๆ ได้มีการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะยิ่งส่งผลให้ข้าวไทยขายได้ยากขึ้นในตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลายประเทศเริ่มให้ความสำคัญกับการนำเข้าข้าวในปริมาณมากแทนการนำเข้าข้าวคุณภาพสูงยกตัวอย่างเช่น เวียดนาม ซึ่งล่าสุดได้ยกระดับคุณภาพข้าวหอมมะลิเพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับข้าวหอมมะลิของไทยได้มากขึ้น โดยจุดเด่นของข้าวหอมมะลิเวียดนามคือ แม้จะมีคุณภาพสู้ข้าวไทยไม่ได้ แต่ถือว่าเป็นข้าวคุณภาพดีที่มีราคาต่ำส่งผลให้เวียดนามสามารถแซงไทยกลายเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่สุดไปยังฮ่องกงได้สำเร็จ

"ราคาข้าวหอมมะลิของไทยอยู่ที่ราว 1,020-1,030 เหรียญสหรัฐ (ราว 30,600-30,900 บาท) ต่อตัน ขณะที่ข้าวหอมมะลิเวียดนามมีราคาอยู่ที่615-625 เหรียญสหรัฐ (ราว 18,450-18,750บาท) ต่อตัน"เว็บไซต์ข่าวไซ่ง่อนจีพีเดลี กล่าว

ล่าสุด รอยเตอร์สรายงานว่า ราคาข้าวเวียดนามมีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังรัฐบาลเริ่มหันมาเก็บสต็อกข้าวมากขึ้นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายแทรกแซงราคา ทว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นโยบายดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวของเวียดนามมากนักเนื่องจากข้าวเวียดนามยังคงต้องแข่งขันกับข้าวกัมพูชาและพม่า ซึ่งมีราคาต่ำกว่า