หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ สื่อของทางการจีน ออกโรงเตือนประเทศเพื่อนบ้านจีนทั้งหลายว่า อาจจะต้องเจอผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ถ้าหากประเทศใดฝักใฝ่อยู่ข้างสหรัฐ ในกรณีข้อพิพาททางทะเลในพื้นที่ทับซ้อนทะเลจีนใต้
คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่บรรดาผู้นำสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้รวมตัวกันประชุมสุดยอดที่เกาะบาหลี ซึ่งวาระสำคัญประการหนึ่งคือกรณีข้อพิพาททางทะเลดังกล่าวรวมอยู่ด้วย โดยที่ผ่านมาชาติสมาชิกอาเซียนทั้งเวียดนามและฟิลิปปินส์ ได้เกิดการกระทบกระทั่งกับจีนอย่างรุนแรง ขณะที่สหรัฐได้พยายามเข้าแทรกแซงและประกาศสนับสนุนอาเซียนอย่างเต็มที่
“ประเทศใดก็ตามที่เลือกอยู่ข้างสหรัฐในเกมนี้จะต้องสูญเสียโอกาสที่จะได้ผลประโยชน์จากเศรษฐกิจจีน” โกลบอล ไทมส์ ระบุไว้ในบทบรรณาธิการ
ทั้งนี้ เชื่อว่าในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลดังกล่าวนั้นอุดมไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าที่หนาแน่นคิดเป็น 1 ใน 3 ของการขนส่งสินค้าทั้งหมดทั่วโลกด้วย
รายงานระบุด้วยว่า จีนพยายามหลีกเลี่ยงที่จะให้มีการเจรจาถึงปัญหาดังกล่าวบนเวทีการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกที่จะมีขึ้นในวันเสาร์นี้ ซึ่งจะประกอบไปด้วยผู้นำอาเซียน จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รัสเซีย สหรัฐ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย ทว่าทางด้านประธานาธิบดี บารัก โอบามา แห่งสหรัฐ ได้พยายามผลักดันให้เจรจาเรื่องนี้กันขึ้น อีกทั้งยังประกาศลั่นว่า “สหรัฐ” ยังอยู่ที่เอเชียในฐานะมหาอำนาจแปซิฟิก
ท่าทีของโอบามาดังกล่าวได้ส่งผลให้จีนตอบโต้ผ่านสื่อกระบอกเสียงอย่างไชนา เดลี ที่ออกมาเตือนว่าสหรัฐกำลังเสี่ยงที่จะทำให้ความตึงเครียดในเอเชียเลยเถิดไปมากกว่านี้
“การพยายามผลักดันประเด็นการเมืองและความมั่นคงขึ้นบนเวทีความร่วมมือเอเชียที่มากเกินไปนั้น ไม่ถือเป็นสิ่งดีต่อการส่งเสริมความร่วมมือในเอเชียตะวันออกแน่นอน” สื่อจีนรายงาน
ทั้งนี้ คาดว่าจีนและสหรัฐจะปะทะกันอย่างดุเดือดบนเวทีสุดยอดความร่วมมือเอเชียตะวันออกดังกล่าว โดยทางด้านนายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่า ได้ออกโรงเตือนครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ว่า ภูมิภาคเอเชียกำลังจะถูกแทรกแซงจากกองกำลังจากภายนอกอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโอบามาของสหรัฐก็เพิ่งประกาศความร่วมมือกับออสเตรเลียที่จะประจำการนาวิกโยธินเพิ่มในออสเตรเลียเช่นกัน โดยจะประจำการที่เมืองดาร์วิน ทางตอนเหนือของออสเตร เลีย ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับจีนและอินโดนีเซีย ประธานอาเซียนอย่างที่สุด