หลวงพระบาง ตรงกลางระหว่างความสุขและดิบ
ความเป็นหลวงพระบางถูกรักษาไว้ตั้งแต่ปี 2538 หลังจากที่ยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลก
โดย....กาญจน์ อายุ
ความเป็นหลวงพระบางถูกรักษาไว้ตั้งแต่ปี 2538 หลังจากที่ยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลก ซึ่งตำแหน่งนี้ย่อมมาพร้อมเงื่อนไขเพื่อรักษาและอนุรักษ์เมืองไว้ไม่ให้หลวงพระบางเปลี่ยนแปลงไปนัก
ทั้งการก่อสร้างหรือบูรณะอาคารบ้านเรือน ต้องขออนุญาตและได้รับการอนุมัติจากยูเนสโก อย่างเงื่อนไขที่เห็นได้ชัดคือ ห้ามสร้างอาคารเกิน 2 ชั้นเพื่อรักษาภูมิทัศน์เมือง สีหลังคา หรือกระทั่งแบบผังภูมิอาคารที่จะทำตามอำเภอใจไม่ได้
ทว่า เงื่อนไขเหล่านี้เป็นสิ่งผูกมัดคนหลวงพระบางหรือไม่? เสียงหนึ่งในฐานะคนท้องถิ่นจาก "ปิ่นแก้ว" คุณครูลาวที่ใช้เวลาว่างมาเป็นไกด์ให้ข้อมูล ตอบว่า “ไม่”
พระสงฆ์เดินบิณฑบาตข้าวเหนียว
เพราะปัจจุบันคนหลวงพระบางประกอบอาชีพอยู่อย่างเดียวคือ การท่องเที่ยว
“หากยูเนสโกไม่เข้ามาก็คงไม่มีนักท่องเที่ยว และบ้านเมืองคงจะเปลี่ยนไปจนไม่เหลือความดั้งเดิม เพราะหลวงพระบางตอนนี้เหมือนเมืองไทยเมื่อ 40-50 ปีก่อน ทั้งบ้านเรือน วิถีชีวิต การแต่งกายของเราที่ยังไม่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ซึ่งเป็นเรื่องดี”
หลวงพระบางเป็นหัวเมืองทางเหนือของ สปป.ลาว เป็นดินแดนที่ไม่มีทางออกทะเล ที่ตั้งของเมืองอยู่ในหุบเขาล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชัน โดยมีแม่น้ำคานและแม่น้ำโขงไหลผ่าน มีภูเขาพูสีเป็นหัวใจของหลวงพระบาง และเป็นเมืองพุทธศาสนานิกายเถรวาท มีวัดมากถึง 32 แห่ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นพระสงฆ์และเณรนุ่งห่มจีวรสีเหลืองแซฟฟรอนไปทั่วเมือง
ทัวร์วัด
ปิ่นแก้ว รับหน้าที่เป็นหัวขบวนนำเดินทัวร์วัด โดยสตาร์ทที่วัดเชียงทองกับจุดที่น่าสนใจในโรงราชรถหรือที่เก็บโกศของกษัตริย์ลาว หนึ่งในนั้นคือโกศใหญ่ตรงกลางเป็นของเจ้าศรีสว่างวงศ์
เมืองมรดกโลกใต้หมอกยามเช้า
รวมถึงองค์พระม่านในหอไตร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่คนหลวงพระบางนับถือ โดยได้ไหลล่องน้ำมากับแพไม้ไผ่จากเมียนมา ซึ่งแม้ว่าจะผลักออกไป แพนั้นก็ยังกลับมาวนเวียนเหมือนเดิม ประตูที่ปิดรักษาองค์พระม่านจะเปิดออกปีละครั้งในวันที่ 22 เม.ย. และจะอัญเชิญองค์พระม่านมาประดิษฐานอยู่หน้าวิหารเป็นเวลา 5 วัน 5 คืน จากนั้นจะอัญเชิญกลับไปประดิษฐานไว้ที่เดิม
อีกสถานที่สำคัญต้องกล่าวถึง หอพระบาง (ภายในรั้วพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ) ปิ่นแก้ว เล่าว่า พระบางเคยพลัดพรากไปอยู่ที่อื่น แต่ก็ยังมีโอกาสได้กลับคืนมาให้ประชาชนลาวได้บูชากราบไหว้ และถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของหลวงพระบาง
ตามที่ประวัติเล่ากันมาว่า พระบางทำจากทองคำแท้ 90 เปอร์เซ็นต์ น้ำหนัก 54 กก. มีความสูง 83 ซม. หล่อหลอมขึ้นในช่วงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปได้ 436 ปี และได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ 5 ธาตุประดิษฐานไว้ในพระบาง ที่หน้าผาก คาง อก และมือทั้งสองข้าง ลักษณะเป็นปางห้ามญาติ (ไทยเรียกว่าปางห้ามสมุทร)
หลังจากหล่อหลอมเสร็จได้นำไปประดิษฐานที่ประเทศลังกาเป็นเวลา 900 กว่าปี จากนั้นย้ายไปอยู่ที่เขมรเป็นเวลา 500 กว่าปี จนกระทั่งถึงรัชสมัยของพระเจ้าฟ้างุ่มได้อัญเชิญพระบางมาอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์เป็นเวลา 100 กว่าปี สมัยพระเจ้าวิชุนราชได้อัญเชิญมาอยู่ที่วัดวิชุนเป็นเวลา 200 กว่าปี จากนั้นมาเมื่อถึงรัชกาลของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่เมืองหลวงพระบางจวบจนปัจจุบัน
หอพระบาง
แต่หากใครต้องการชมวิวแบบแอดวานซ์ ขอท้าให้ขึ้นไปดูซันเซตบนวัดพระธาตุพูสี (ตรงข้ามกับหอพระบาง) ที่สูงกว่าระดับพื้นดิน 328 ขั้นบันได ขึ้นไปจะได้สูดอากาศหายใจเข้าเต็มปอดและปล่อยออกยาวๆ รับชมทิวทัศน์บ้านเมืองยามอัสดง บรรจงมองโค้งแม่น้ำโขง และแนวเทือกเขาสุดโว้งว้างที่พระอาทิตย์จะลับหายไป เหลือไว้เพียงแสงสุดท้ายและภาพซิลลูเอทขององค์พระธาตุ เช่นเดียวกับยามเช้า ตะวันจะโผล่แย้มหลังภูเขาอีกฝั่งหลังจากโลกหมุนรอบตัวเอง ซึ่งไม่อาจตัดสินว่ายามใดสวยกว่ากัน เพราะตะวันนั้นไม่เคยไม่เหมือนเดิม
ทัวร์วัง
หลังจากพรรณนาไปยืดยาวโดยไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเหนื่อย (กับบันได) หรือความงดงาม วันต่อมา ปิ่นแก้วก็ยังทำหน้าที่เป็นไกด์พาเดินชมบ้านเรือน เธอเล่าว่า สถาปัตยกรรมหลวงพระบางได้รับอิทธิพลด้านการออกแบบจากฝรั่งเศสและเวียดนามในช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 และได้รับนวัตกรรมจากยุโรปและจีนในเวลาต่อมา ทำให้อาคารมีความหลากหลาย และหลายแห่งมีประวัติศาสตร์ที่ชาวหลวงพระบางเองอาจหลงลืม
อย่างวังของกษัตริย์ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไปแล้วนั้น นับเป็นวังที่มีความเรียบง่ายทว่าวิจิตรงดงาม ประกอบด้วยห้องรับแขก ผนังทั้งสี่ด้านมีจิตรกรรมจากศิลปินชาวฝรั่งเศส บอกเล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันของชาวลาวและพระราชกรณียกิจของพระเจ้าแผ่นดินลาว ซึ่งลาวมีกษัตริย์ทั้งสิ้น 72 พระองค์ องค์สุดท้ายคือพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ จากนั้นระบอบกษัตริย์ของลาวก็สิ้นสุดลงเมื่อ 42 ปีที่แล้ว หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
พระอาทิตย์ขึ้นจากจุดชมวิวพระธาตุพูสี
จากห้องรับแรกได้เชื่อมต่อกับห้องท้องพระโรง ที่ตั้งบัลลังก์ของเจ้าศรีสว่างวัฒนา (บุตรชายของพระเจ้าศรีสว่างวงศ์) สร้างขึ้นจากไม้แกะสลักห่อหุ้มด้วยทองคำ และห้องท้องพระโรงยังถูกประดับด้วยแก้วโมเสกจากประเทศญี่ปุ่น ใช้เวลาประดับมากกว่า 3 ปี เพื่อเตรียมสำหรับงานราชาภิเษกของพระองค์ แต่สุดท้ายลาวเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองเสียก่อน นอกจากนี้ยังมีห้องทรงอ่านหนังสือ ห้องบรรทมของพระมหากษัตริย์ และโถงพักผ่อนที่ทั้งหมดล้วนเรียบง่าย
ทัวร์เมือง
ถนนสว่างวงศ์ถือเป็นถนนสายหลักของเมือง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าถนนข้าวเหนียว ซึ่งต่างจากถนนข้าวสารที่เมืองไทยอย่างสิ้นเชิง (ปิ่นแก้วกล่าว) โดยสองข้างทางเป็นตึกสไตล์โคโลเนียลและแบบจีน บ้านเรือนถูกแปรเปลี่ยนเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านนวด ดังนั้นในช่วงเย็นถนนทั้งสายจะมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
แต่หากต้องการบรรยากาศแบบโลคัลต้องไปเดินตลาดเช้าที่เปิดตั้งแต่ 05.30 น. และจะวายประมาณ 10.00 น. ในตลาดมีของขายทุกอย่าง ยกเว้นอาหารทะเล ตั้งแต่ของพื้นฐานอย่างผัก ผลไม้ ปลาแม่น้ำโขง ไปจนถึงงู ตัวเงินตัวทอง และนกฮูก
แม่ค้าขายนกฮูกแถลงว่า ได้ไปจับนกฮูกจากในป่ามาขายตัวละประมาณร้อยบาทให้ซื้อไปปล่อยเป็นสิริมงคล ส่วนตัวเงินตัวทองจะขายทั้งตัวเพื่อกินเนื้อ เช่นเดียวกับงูที่ถ้านำไปผัดเผ็ดจะอร่อยกว่าเนื้อทุกชนิดที่เคยกินมา
พระพุทธรูปไม้เก่าแก่ในวัดวิชุน
ความตื่นตาตื่นใจในตลาดเช้ามันเป็นเช่นนี้ ซึ่งแต่ละวันสินค้าในตลาดจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ว่าแม่ค้าจะจับอะไรมาได้ สมกับเป็นตลาดสดพร้อมของสดใหม่ทุกวัน และความคึกคักทุกเช้าที่พูดได้เต็มปากว่า นี่คือความเป็นหลวงพระบาง 100 เปอร์เซ็นต์
ปิ่นแก้วก้มลงเก็บดอกลีลาวดีหน้าวัดพูสี พลันพูดว่า ดอกจำปาลาว (ดอกลีลาวดี) เป็นดอกไม้ประจำชาติ ประกอบด้วย 5 กลีบ เปรียบเสมือนศีล 5 และคนเราที่มี 5 นิ้ว เมื่อรวมตัวสามัคคีกันก็สามารถปั้นข้าวเหนียวให้เป็นข้าวเหนียวที่แข็งแกร่งได้ฉันใด ลาวนั้นมีหลายเผ่าเมื่อมารวมตัวสามัคคีกันก็สามารถหลุดพ้นจากการเป็นประเทศด้อยพัฒนาได้ฉันนั้น
กล่าวได้ว่าหลวงพระบางไม่เพียงรักษาตัวตนภายใต้ตำแหน่งเมืองมรดกโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกแห่งวัฒนธรรม และมรดกแห่งประวัติศาสตร์อันล้ำค่า ที่กาลเวลาไม่อาจทำลายความเชื่อ ความศรัทธา และความเป็น "คน" หลวงพระบาง แม้ว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้มากก็ตาม
ร้านขายอาหารในตลาดมืด
ท่าน้ำริมฝั่งโขงหลังพระอาทิตย์ตกดิน
ตัวเงินตัวทองก็มีขายกันเป็นๆ
พระม่านในหอไตรเมื่อมองจากช่องประตู
ร้านขายนกฮูกในตลาดเช้า
ชาวหลวงพระบางออกมาจับจ่ายอาหารสด
ปลาแม่น้ำโขงตัวโตในตลาดเช้า
นักท่องเที่ยวถ่ายภาพมุมสูงบนพระธาตุพูสี