posttoday

หลูซาน อุทยานสวรรค์เหนือม่านหมอก

08 กันยายน 2561

มณฑลเจียงซี มณฑลที่น่าสนใจแต่ไม่ค่อยมีคนไทยรู้จัก มณฑลนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นมณฑลแห่งภูเขาและสายน้ำ

มณฑลเจียงซี มณฑลที่น่าสนใจแต่ไม่ค่อยมีคนไทยรู้จัก มณฑลนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นมณฑลแห่งภูเขาและสายน้ำ หลังจากที่เราพาไปรู้จักเมืองเอกหนานชางแล้ว วันนี้เราแนะนำให้รู้จักอีกเมืองหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงไม่แพ้กัน เมืองนี้ชื่อว่าเมืองจิ่วเจียง เป็นเมืองที่มีฉายาว่าดินแดนปากแม่น้ำ 3 สาย ทางผ่านสู่ 7 มณฑล

เมืองจิ่วเจียง มีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้ที่ใดในประเทศจีนเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูเขาหลูซาน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดของมณฑลนี้ ด้วยระยะทางเพียงแค่หนึ่งร้อยกว่ากิโลเมตรบนทางด่วนของจีน นักท่องเที่ยวทั่วไปที่ออกจากเมืองเอกหนานชางก็ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงเศษเท่านั้นก็สามารถมาถึงอุทยานแห่งชาติหลูซานได้แล้ว

นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่เสียค่าผ่านประตูคนละ 180 หยวน ไม่สามารถขับรถขึ้นไปได้ โดยต้องใช้รถบัสของอุทยาน เสียค่ารถอีกคนละ 100 หยวน

จากประตูทางเข้าใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมงก็มาถึงที่พัก ที่พักในเขตอุทยานนี้มีให้เลือกเป็นร้อยๆ แห่ง แต่ถ้าใครมาเที่ยวช่วงเดือน ก.ค. จนถึง ก.ย. ต้องจองล่วงหน้านานหน่อย เพราะแม้ว่าโรงแรมจะมีจำนวนมากแต่ก็ยังไม่มากพอที่จะรองรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ทิวทัศน์ที่เกิดจากการผสานระหว่างสายน้ำ ภูเขา น้ำตก และทะเลสาบ ก่อเกิดเป็นทัศนียภาพที่งดงาม บวกกับบรรยากาศร่มรื่นภายใต้อุณหภูมิที่เย็นสบายทั้งปี ทำให้หลูซานมีแรงดึงดูดให้เหล่ากวีและศิลปินจีนอยากเดินทางมาที่นี่นับตั้งแต่ 2,000 กว่าปีที่แล้ว ทำให้บทกวีชื่อดังหลายชิ้นของจีนมีจุดกำเนิดจากที่นี่

เขตอุทยานแห่งชาติหลูซาน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 500 ตารางกิโลเมตร ในเขตอุทยานมียอดเขากว่า 90 ยอดเขา แต่โดยส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เขาสูงมาก ที่สูงที่สุดยังสูงไม่ถึง 1,500 เมตร เป็นมรดกโลก World Heritage ขึ้นทะเบียนโดย Unesco เป็น Global Geopark, National park of China สถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A คือประเทศจีนมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย แต่ถ้าได้รับการยกย่องเป็น 5A นี่ถือว่าเป็นระดับสุดยอด

อย่างไรก็ตาม ด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม แล้วก็อากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี ทำให้คนนิยมมาเที่ยวที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือน ก.ค. และ ส.ค. เป็นช่วงที่อากาศในเมืองค่อนข้างร้อน นักเรียนปิดเทอม จึงมีคนมาเที่ยวที่นี่มากมายถึงขนาดว่าไม่อนุญาตให้ขับรถเข้ามา ใครจะเข้ามา
ก็ต้องจอดรถไว้ข้างล่าง แล้วใช้รถของอุทยาน

หลูซาน อุทยานสวรรค์เหนือม่านหมอก

แม้ว่าจะมีพื้นที่กว้างใหญ่แต่ถนนก็มีจำกัด ถ้านักท่องเที่ยวทุกคนใช้รถส่วนตัวขับขึ้นมาที่นี่ นอกจากจะทำให้การจราจรติดขัดแล้ว ยังจะเป็นการรบกวนธรรมชาติและก่อให้เกิดมลพิษอีกด้วย ดังนั้นกติกาที่เขาตั้งขึ้นมาก็ฟังดูสมเหตุสมผลดี

กู๋หลิ่ง ทาวน์ เป็นศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติหลูซานแห่งนี้ เพราะว่าที่นี่มีครบทุกอย่าง เดิมทีที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งเดียวในเขตอุทยานเท่านั้น แต่พอมีนักท่องเที่ยวมามากขึ้น ที่นี่ก็ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว มีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า โรงแรม ร้านอาหาร ไปรษณีย์ ธนาคาร หรือแม้แต่โรงภาพยนตร์

หมู่บ้านกู๋หลิ่ง สร้างขึ้นครั้งแรกใน ค.ศ. 1895 โดยมิชชันนารีชาวตะวันตกที่เข้ามาในจีนเพื่อใช้เป็นที่พักผ่อน ทำให้อาคารหลายๆ หลังที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งนี้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแนวยุโรป

ต่อมาใน ค.ศ. 1936 มิชชันนารีทั้งหมดก็ต้องออกไป เมื่อกองทัพญี่ปุ่นเข้ามาในจีน และเมื่อญี่ปุ่นออกไปอาคารเหล่านั้นก็กลายมาเป็นสมบัติของรัฐบาลจีน

จากหมู่บ้านกู๋หลิ่ง เราเดินต่อมาเรื่อยๆ จนมาถึงศาลาว่างเจียง ที่จุดนี้เราจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของหมู่บ้าน แล้วก็มองเห็นทะเลหมอกเคลื่อนตัวผ่านข้างหน้า เหมือนกับว่าเราอยู่บนชั้นฟ้าแล้วมองลงไปหมู่บ้านที่อยู่เบื้องล่าง ด้านล่างเป็นหุบเขาที่ลึกมาก มองลงไปเห็นป่าเขียวๆ ที่อยู่ไกลๆ นั่นคือหมู่บ้านกู๋หลิ่งที่เราเพิ่งเดินผ่านมา

เมื่อได้มาเห็นของจริง ได้มาสัมผัสประสบการณ์ตรง ทำให้เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนจีนถึงหลงใหลที่นี่กันนัก เพราะที่นี่มีความสดชื่น มีความร่มรื่น มีความสดใส มีชีวิตชีวา แล้วก็ยังมีเสน่ห์อยู่ในทุกๆ มุมอีกด้วย

หลูซาน อุทยานสวรรค์เหนือม่านหมอก

ทะเลสาบหลูชิน อยู่ห่างจากใจกลางเมืองกู๋หลิ่งออกมาอีกหน่อย ที่นี่มีทัศนียภาพที่สวยงามมาก พร้อมกับบรรยากาศที่เงียบสงบ ภาพด้านหลังที่ปรากฏก็คืออาคารสมัยเก่า ซึ่งได้รับอิทธิพลจากตะวันตก บวกกับทิวเขาที่เป็น Background สะท้อนลงในน้ำเหมือนผืนกระจกใหญ่ๆ ทำให้ที่นี่เป็นมุมที่ทุกคนต้องแวะมาถ่ายรูปอาคารที่อยู่รอบๆ บางหลังเป็นที่พักเป็นโรงแรมด้วย แต่ว่าราคาค่อนข้างสูงกว่าปกติ

ไม่ไกลจากทะเลสาบหลูซินก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะไม่พลาด แวะไปเก็บภาพความทรงจำที่น่าประทับใจ แม้จะต้องแลกกับความหวาดเสียวสักหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้ม แต่ถ้าใครไม่กล้าไปยืนตรงจุดนั้นก็มีมุมด้านล่าง รับรองว่าได้ภาพเจ๋งๆ ไม่แพ้กัน

อุทยานแห่งชาติหลูซานนั้นกว้างใหญ่ มีที่ท่องเที่ยวหลากหลายมาก นักท่องเที่ยวที่ชอบการพักผ่อนแบบสบายๆ ก็จะเพลิดเพลินกับการเดินชมสวนสวยๆ และบรรยากาศสบายๆ ของตัวเมือง แต่ถ้าใครอยากท้าทายขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งก็แนะนำว่าต้องไปให้ถึงน้ำตก 3 ชั้น

อากาศที่นี่เย็นสบายตลอดทั้งปี คนส่วนใหญ่เพลิดเพลินกับการเที่ยวชมธรรมชาติ แต่ด้วยขนาดพื้นที่ที่ใหญ่โต แล้วก็จำนวนจุดท่องเที่ยวที่มีอยู่มากมายหลายจุดเหลือเกิน ทำให้การเดินทางไปแต่ละจุดหากจะเดินเท้าแล้วไปเที่ยวให้ทั่วคงเป็นเรื่องยาก ต้องอาศัยบริการรถบัสของทางอุทยาน ซึ่งแบ่งเป็น 2 สาย สายตะวันออกกับสายตะวันตก แต่ละสายก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ อยู่หลายแห่ง

สายตะวันออก สถานที่ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ น้ำตก 3 ชั้น ถ้าจะเดินเท้าจากทางเข้าไปถึงน้ำตกก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ดังนั้นใครที่มีเวลาจำกัดหรือว่าอยากจะออมแรงไว้เพื่อไปเดินจากบริเวณทางเข้าไปจนถึงน้ำตกต้องใช้เวลาอีกพอสมควร ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ก็มีทางเลือก 2 ทาง ทางเลือกที่ 1 คือ ค่อยๆ เดินขึ้นเอง ซึ่งก็ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง จนกว่าจะถึงน้ำตก

แต่ถ้าอยากประหยัดเวลาก็สามารถนั่งรถรางขึ้นไปได้ โดยจ่ายค่าโดยสารประมาณ 80 หยวน ถึงแม้ว่าจะช่วยร่นระยะทางที่ต้องเดินลงได้บ้าง แต่ก็ต้องทำใจเผื่อไว้บ้างว่าบางทีก็ไม่ได้เร็วไปกว่าคนที่เดินเท้าขึ้นไปสักเท่าไร เพราะต้องรอคิวรถรางอีกนานพอสมควร

หลูซาน อุทยานสวรรค์เหนือม่านหมอก

ช่วงเวลาที่เหมาะกับการมาเที่ยวที่นี่มากที่สุดก็คือช่วงหน้าร้อน ซึ่งก็ตรงกับที่คนจีนทั้งประเทศทราบ ดังนั้นจึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเที่ยวที่นี่

ออกจากรถรางก็ใช่ว่าจะถึงเลย ต้องเดินเท้าต่อไปอีกเรื่อยๆ การเคลื่อนตัวไปได้ช้ามาก เพราะว่าช่วงนี้คนจีนมาเที่ยวที่นี่จำนวนมาก จากจุดนี้ก็ดูเหมือนระยะทางจะไม่ไกลมาก แต่ปัญหาอยู่ที่ต้องเดินลงบันได เล่นเอาเหนื่อยหอบกันไปตามๆ กัน ถ้าใครเดินไม่ไหวจริงๆ ก็ยังมีทางเลือกสำรองให้ นั่นคือการนั่งเก้าอี้หามลงไป

ในที่สุดก็มาถึงแล้ว ซานเตี๋ยฉวน หรือน้ำตก 3 ชั้น สุดยอดความงามแห่งเขาหลูซาน น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกธรรมชาติ ค้นพบโดยคนตัดไม้มาพบเข้าโดยบังเอิญตั้งแต่ปี 1191 หลังจากนั้นชื่อเสียงของน้ำตกแห่งนี้ก็ได้รับความนิยมไปทั่วอย่างสูง คนพยายามดั้นด้นเข้ามาดู ปัจจุบันแม้ว่าการเดินทางจะอยู่ในระดับที่สะดวกสบายมากขึ้น แต่ก็ยังถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาถึงน้ำตกแห่งนี้

เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว สิ่งที่ทุกคนทำคือสูดอากาศให้เต็มปอด นั่งชมความยิ่งใหญ่ของน้ำตกและสัมผัสความเย็นฉ่ำของสายน้ำ ซึ่งถ้าใครอยากสัมผัสแบบใกล้ชิดสุดๆ ก็ต้องพายเรือหรือปั่นเรือถีบเข้าไป ให้ละอองน้ำซัดเข้าหน้า พาเอาความชุ่มฉ่ำส่งผ่านเข้าไปถึงหัวใจเลย บริเวณด้านล่างของน้ำตกแห่งนี้เป็นแอ่งน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ด้วยความแรงของน้ำที่ไหลลงมาทำให้กระแสน้ำค่อนข้างที่จะเคลื่อนตัวแรง เลยทำให้เกิดเป็นกิจกรรมสนุกๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะพายเรือหรือเล่นเรือถีบทวนน้ำ ไม่ว่าจะสนุกสนานเพลิดเพลินกันแค่ไหน ก็ต้องไม่ลืมเผื่อเวลาเดินกลับด้วย

ตอนแรก ก่อนเดินทางมาที่นี่ เราเข้าใจว่าใช้เวลาสักประมาณ 1-2 วัน ก็น่าจะเที่ยวครบทั้งอุทยานแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงๆ นี่เกือบจะหมดวันแรกแล้วยังไปได้ไม่กี่ที่ เพราะแต่ละสถานที่ไกลมาก แล้วต่อให้มีรถไปส่งถึง มีกระเช้าไปถึง ก็ยังต้องเดินเท้าต่อไปอีก ถ้าใครคิดจะมาเที่ยวที่นี่ สุขภาพต้องแข็งแรงพอสมควร แล้วใจก็ต้องสู้ด้วย แต่รับรองว่ามาถึงแล้วสวยคุ้มค่า

ระหว่างเดินทางกลับ ก่อนพระอาทิตย์จะตกแวะรับลมเย็นๆ ที่ริมทะเลสาบหลูหลิน ทะเลสาบแห่งนี้ เมื่อประมาณ 1,700 ปีที่แล้ว เป็นทะเลสาบธรรมชาติ เกิดจากการไหลรวมของธารน้ำแข็งบนเขามาสะสมที่นี่ ต่อมาก็เลยกลายเป็นทะเลสาบ ความสำคัญของทะเลสาบแห่งนี้ นอกจากจะเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญใช้สำหรับคนที่อยู่หมู่บ้านข้างล่างแล้ว ในสมัยที่มีการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ ประธานเหมาก็ยังเคยมาว่ายน้ำเล่นในทะเลสาบแห่งนี้ด้วย ดูเหมือนว่าแสงแดดยามเย็นจะช่วยทำให้ทะเลสาบหลูหลินแลดูร่มรื่น เย็นสบายยิ่งขึ้นกว่าเดิม เดินเล่น รับลมเย็นๆ กันสักพัก เราก็ต้องเคลื่อนตัวกันต่อเพื่อกลับมายังตัวเมืองกู๋หลิ่ง

หลูซาน อุทยานสวรรค์เหนือม่านหมอก

ตกเย็นบริเวณเมืองกู๋หลิ่งจะดูคึกคักแล้วก็น่ามาเดินยิ่งกว่าเดิม เพราะว่าร้านค้า ร้านอาหาร ก็จะเปิดกันเต็มที่ มีคนมาเดินเล่น มาหาซื้อข้าวของ มาหาซื้อาหารกินกัน แล้วก็ลานกิจกรรมที่อยู่ตรงข้าม ถนนคนเดินก็จะมีกิจกรรมหลายอย่าง มีการเต้นรำให้เลือกแทบทุกแบบ เด็กๆ ก็ออกมาวิ่งเล่นกัน ครอบครัวก็มาใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ดูเป็นบรรยากาศสบายๆ ที่แสนอบอุ่น

เวลานี้บรรดาร้านค้าต่างพากันเปิดไฟสว่างไสว บวกกับแสงไฟจากโคมที่ห้อยอยู่ด้านบน ทำให้บรรยากาศของถนนสายหลักของกู๋หลิ่งดูสดใสและมีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิม จนเกือบลืมไปเลยว่าเรากำลังอยู่กลางป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ

ที่นี่มีโรงภาพยนตร์แห่งเดียวของเขตอุทยานแห่งชาติหลูซาน Romance in Lushan cinema เป็นโรงภาพยนตร์ที่เปิดบริการทุกวัน ฉายหนังวันละ 3 รอบ เปิดมา 30 กว่าปีแล้ว ที่เจ๋งกว่านั้น คือฉายอยู่เรื่องเดียว ชื่อเรื่องแปลเป็นภาษาไทยว่า “ความรักแห่งหลูซาน” โรแมนติกมาก

เชื่อว่าหลายคนคงแอบจินตนาการว่า ถ้าได้มาเดินกุมมือกับคนรักเข้าโรงภาพยนตร์แล้วนั่งดูหนังด้วยกันที่นี่คงโรแมนติกสุดๆ ไปเลย ถ้าใครอยากสร้างตำนานรักของตัวเองที่นี่ ก็พาคนรักมาเที่ยวได้ที่อุทยานแห่งชาติหลูซาน เดินทางมาจากเมืองไทยไม่ได้ยากจนเกินไปเลย

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ในรายการ โลก 360 องศา เช้าวันอาทิตย์นี้ หลังเคารพธงชาติ ทางไทยรัฐทีวี