posttoday

ล้ง1919 ตำนานท่าเรือ 168 ปี

02 กันยายน 2561

สายฮิปสเตอร์ไม่มีใครไม่รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิปแห่งยุค อย่างล้ง 1919

โดย /ภาพ กั๊ตจัง 

สายฮิปสเตอร์ไม่มีใครไม่รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิปแห่งยุค อย่างล้ง 1919 ภายในพื้นที่ 6 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเดิมเป็นบ้านของคนในตระกูลหวั่งหลี แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป

รุจิราภรณ์ หวั่งหลี ทายาทแห่งตระกูลจึงเห็นควรว่าให้ปรับปรุง ฮวย จุ่ง ล้ง ท่าเรือและบ้านของต้นตระกูลให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยเนรมิตให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ของเก่าเอามาเล่าใหม่ แต่ทำทั้งหมดให้มีชีวิตร่วมสมัยด้วยอาคารโบราณควบคู่ไปกับร้านอาหารยอดนิยม โดยใช้ชื่อ ล้ง 1919 ซึ่งก็หมายถึงปีเริ่มต้นแห่งบ้านหลังนี้นี่เอง

แรกย่างก้าวเข้ามาที่ล้ง 1919 สิ่งแรกที่คุณจะสัมผัสได้ก็คือ บ้านทรงจีนอายุร้อยกว่าปี ซึ่งเดิมทีตามประวัติแล้ว ตระกูลหวั่งหลีได้ซื้อต่อจากต้นตระกูลพิศาลบุตร เป็นท่าเรือสำหรับรับส่งสินค้าไปค้าขายในต่างประเทศ โดยเฉพาะกิจการค้าขายข้าวที่สร้างชื่อและฐานะให้กับตระกูลนี้เป็นอย่างมาก

ดูจากสถาปัตยกรรมควบคู่ไปกับประวัติศาสตร์ของที่นี่น่าจะสร้างขึ้นในยุครัชกาลที่ 4-5 ในยุคสมัยนั้นการค้าขายกับต่างประเทศเริ่มเฟื่องฟู ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นยุคทองของการเดินเรือค้าขายก็ว่าได้ ช่วงเวลานั้นสยามเริ่มลงทุนสร้างเรือกลไฟ สำหรับเดินเรือข้ามมหาสมุทร รวมทั้งท่าเรือขนาดใหญ่เพื่อรองรับการรับส่งสินค้าโพ้นทะเล ซึ่ง ฮวย จุ่ง ล้ง (ล้ง 1919) ก็เป็นหนึ่งในท่าเรือขนาดใหญ่และมีความทันสมัยเป็นอย่างมากในยุคนั้น

ล้ง1919 ตำนานท่าเรือ 168 ปี

ชื่อของท่าเรือในภาษาจีนก็แปลความได้ว่า ท่าเรือกลไฟเช่นกัน ในขณะที่ตระกูลหวั่งหลี ภายใต้การดูแลของนายตันลิบบ๊วยได้เข้าซื้อท่าเรือ แล้วเริ่มดำเนินธุรกิจของตระกูลในการค้าขายข้าวไปยังประเทศจีนและฮ่องกง จนประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิพลต่อตลาดค้าข้าวในยุคนั้น ซึ่งต้นตระกูลหวั่งหลีนั้นไม่ใช่ชาวจีนเสื่อผืนหมอนใบที่เข้ามาตั้งรกรากสร้างตัวที่สยาม

แต่เป็นชนชั้นพ่อค้าร่ำรวยมาก่อนอยู่แล้ว แต่ส่งลูกหลานเข้ามาเปิดช่องทางธุรกิจที่เมืองไทย ปัจจุบันด้วยรูปแบบการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป ทายาทของตระกูลที่เข้ามาสืบทอดก็ขยายกิจการไปสู่ธุรกิจอื่นๆ และลดบทบาทการค้าข้าวลง แต่กระนั้นสายสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหวั่งหลีที่เมืองไทยและจีนก็ยังคงติดต่อทำธุรกิจร่วมกันจนถึงปัจจุบัน โดยมีปณิธานอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ขอข้องเกี่ยวเรื่องการเมือง เพราะมีบทเรียนที่ไม่เคยจบลงด้วยดีมานักต่อนัก

เวลาผ่านไปเนิ่นนานกระทั่งลูกหลานเห็นพ้องต้องกันว่าควรปรับปรุงให้สถานที่แห่งนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยการบูรณะให้อยู่ในสภาพดั้งเดิมให้มากที่สุด โดยใช้วิธีการบูรณะด้วยวัสดุแบบโบราณ ด้วยปูนหมักแบบโบราณสำหรับการอุดรอยแตกร้าวของตัวอาคาร ไม่ให้แตกล่อนไปมากกว่าเดิม เราจึงได้เห็นทั้งในส่วนที่ซ่อมแซมและส่วนที่แตกร้าวจนเห็นเนื้อใน ว่าโครงสร้างและเนื้อปูนของอาคารนั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

อาคารที่ล้ง 1919 จัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า “ซาน เหอ หยวน” เป็นการออกแบบวางผังอาคารในแบบจีนโบราณ ลักษณะอาคาร 3 หลัง เชื่อมต่อกัน 3 ด้าน เป็นผังรูปทรงตัวยูมีพื้นที่ว่างตรงกลางระหว่างอาคารทั้ง 3 หลัง ใช้เป็นลานอเนกประสงค์ โดยมีอาคารประธานเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว คลองสาน ส่วนอาคารด้านข้างใช้สำหรับเป็นอาคารสำนักงานและโกดังสินค้า

ล้ง1919 ตำนานท่าเรือ 168 ปี

ในส่วนที่เป็นภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังบริเวณรอบวงกบประตูและหน้าต่างก็มีเติมสีโบราณให้ชัดขึ้น เมื่อเราเดินเข้าไปใช้บริการร้านค้า ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ หรือร้านจำหน่ายสินค้าศิลปะและหัตถกรรม เราจะเห็นโครงสร้างภายในอาคารที่ชัดขึ้น อาคารบางหลังพื้นที่ชั้น 2 ไม่สามารถซ่อมแซมให้ได้ดีเหมือนเดิมได้ ก็ทำการรื้อคานและพื้นชั้น 2 ออกทั้งหมด

เปิดโล่งให้ผู้ใช้บริการได้เห็นโครงสร้างภายในที่ชัดเจนขึ้น ติดเครื่องปรับอากาศเปลี่ยนบ้านจีนโบราณให้เป็นร้านอาหารย้อนยุค ใช้ปูนเปลือยท่อเหล็กเดินระบบสาธารณูปโภคได้อารมณ์สไตล์ลอฟต์เข้ามาผสมผสานให้ดูทันสมัยมากขึ้น ในขณะที่โกดังเก็บข้าวก็ซ่อมแซมเปลี่ยนแปลงให้เป็นร้านอาหารและแหล่งท่องเที่ยวแบบย้อนยุค

ซึ่งจุดแรกที่เราอยากจะแนะนำให้มาไหว้ก่อน ก็คือ ศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวจีนโพ้นทะเล ที่นำมาจากเมืองจีนตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ตัวองค์ทำจากไม้มี 3 ปาง คือ ปางเด็กสาว ปางผู้ใหญ่ และปางผู้สูงอายุ กล่าวกันว่าใครที่ต้องเดินทางด้วยเรือให้ปลอดภัยต้องบูชาเจ้าแม่หม่าโจ้ว

ทั้ง 3 ปาง ก็ให้คุณแตกต่างกันออกไป ข้อมูลจากออฟฟิเชียลเว็บไซต์ของล้ง 1919 อธิบายว่า ปางจุ้ยบ๋วยเนี้ย หรือปางเด็กสาว ในอดีตคือช่วงยังเป็นเด็กสาว “องค์โม่เหนียง” (หลงหนี่ว์) ตำนานเล่าว่าท่านชอบปฏิบัติธรรม ในตอนเช้าจะไปเก็บน้ำค้างมารักษาผู้คน จุดสังเกตคือใบหน้าจะอ่อนเยาว์กว่าปางอื่นๆ และประทับอยู่ด้านซ้ายมือเรา ผู้มาสักการะจะขอพรเรื่องการเดินทางให้ราบรื่น ไร้อุปสรรค และมีความรักที่สดชื่น

ล้ง1919 ตำนานท่าเรือ 168 ปี

ปางที่สอง คือ ปางให่ตั้งหม่า หรือปางผู้ใหญ่ ในอดีตคือช่วงที่เป็นเซียนแล้วชื่อ “องค์เจ้าแม่หม่าโจ้ว” จุดสังเกตคือจะมีองค์ขนาดใหญ่ ประทับอยู่ตำแหน่งขวามือเรา นิยมขอพรเรื่องการค้าขาย เงินทอง ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง​

ปางสุดท้ายที่ดูยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือ ปางเทียนโหวเซี่ยบ้อ หรือปางเทพ ได้ยกย่องเป็น “องค์เทียนโหวเซี่ยบ้อ” จุดสังเกตคือสวมชุดจักรพรรดิ ลักษณะชุดสำหรับผู้ชาย โดยมีหมวกแบบฮ่องเต้ มีม่านมุกปิดบังครึ่งหน้าและจะต้องมีตราแผ่นป้ายที่บอกถึงตำแหน่งขององค์ท่านเรียกว่า ตาตั้ง ก๊กอิ่น หมายถึงตราประทับแว่นแคว้น และบ่งบอกว่าคือจักรพรรดิ เขียนว่า เทียนโหวเซี่ยบ้อ และประทับอยู่ตรงกลาง

เชื่อว่าท่านประทับอยู่บนสวรรค์ มีเมตตาจิตสูง นิยมขอพรเรื่องสุขภาพแข็งแรง รักษาทรัพย์ที่มีไว้ให้กับลูกหลานและการมีครอบครัวที่อบอุ่น มั่นคง และร่มเย็น ส่วนองค์เทพที่อยู่ด้านข้างก็คือองค์เทพหูทิพย์ และเทพตาทิพย์

ศาลเจ้าแม่จะตั้งอยู่อาคารกลางที่เห็นเด่นชัด นอกจากเราจะได้ไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เหมาะแก่การถ่ายรูปอีกด้วย เหมือนกับไปเที่ยวฮ่องกงเลยทีเดียว

ล้ง1919 ตำนานท่าเรือ 168 ปี

ถัดจากศาลเจ้าเราแนะนำให้เดินเที่ยวให้รอบเพราะนอกจากจะมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกแล้วยังมีลูกเล่น เล็กๆ ให้เราได้ถ่ายรูปกัน โดยเฉพาะภาพวาดฝาผนังที่เต็มไปด้วยความสนุกปนวิถีชีวิตของชาวไทยจีนแฝงอยู่ในนั้น เอาแค่ถ่ายกับกำแพงภาพที่ได้ก็ออกมาสวยแล้วครับ

แต่หากเดินไปริมแม่น้ำเจ้าพระยาคุณจะเห็นวิวอีกมุมหนึ่งของล้ง 1919 ที่สวยงามกว่า มีที่นั่งถ่ายภาพริมแม่น้ำ โกดังเก็บของซึ่งคุณจะเห็นนักท่องเที่ยวเดินถ่ายรูปกันทั่ว ที่ทำได้ก็คือมองว่ามีมุมไหนที่น่าถ่ายแล้วค่อยหาจังหวะเดินถ่ายแค่นั้นเอง

การเดินทางมาที่ล้ง 1919 เราแนะนำให้เดินทางมาทางเรือมาลงที่ท่าเรือสี่พระยาแล้วนั่งเรือข้ามฟากมาที่ท่าเรือคลองสานแล้วเดินต่อมาที่ล้ง 1919 หรือทางที่สะดวกที่สุดก็คือขับรถมาที่ล้ง 1919 เลยครับ มีที่จอดรถของล้งจอดได้ประมาณ 100 คัน และยังมีที่จอดรถของวัดที่อยู่ใกล้ๆ ขออาศัยจอดได้อีก

ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเดินทางไปล้ง 1919 เราแนะนำให้ไปช่วงบ่าย 3 เป็นต้นไป เพราะเงาแสงกำลังทอดตัวสวย อากาศไม่ร้อน และยังมีเวลาอยู่ถึงช่วงค่ำที่ให้เราได้เห็นความสวยงามยามค่ำคืน แสงโคมสีแดงสดใสของล้ง 1919 และร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาอันน่าประทับใจอีกด้วย