posttoday

ฮอยอัน ฉันรักเธอ (ยิ่งกว่าเดิม)

04 สิงหาคม 2561

หลายคนได้เห็นภาพสวยๆ ของเมืองเก่าฮอยอัน แล้วก็อยากไปเที่ยวกันทั้งนั้น แต่บางคนก็แอบคิดว่าถ้าจะไปเที่ยวทั้งที

หลายคนได้เห็นภาพสวยๆ ของเมืองเก่าฮอยอัน แล้วก็อยากไปเที่ยวกันทั้งนั้น แต่บางคนก็แอบคิดว่าถ้าจะไปเที่ยวทั้งที มีแค่เมืองเก่า ตึกเก่าให้ดู อาจไม่คุ้มค่ากับการเดินทาง ซึ่งจากประสบการณ์ตรงของผู้ที่ได้เดินทางไปฮอยอัน ขอบอกเลยว่า เมืองนี้ไม่ได้มีดีแค่ตึกเก่า แต่มีอะไรให้ได้เที่ยวกันเพลินๆ อีกมาก แถมมีของกินอร่อยๆ อีกเพียบ

ร้านอาหารที่ฮอยอันจะมีให้เลือกหลายระดับ ตั้งแต่ภัตตาคารหรูหราไปจนถึงร้านค้าหาบเร่ที่วางขายข้างทาง แต่ถ้าไปเที่ยวฮอยอันแล้ว ไม่รู้จะเริ่มต้นหาร้านอาหารจากตรงไหน ก็แนะนำว่า ให้ไปที่ย่านเมืองเก่าได้นั่นแหละ ใครชอบภัตตาคารหรือคาเฟ่ที่มีแอร์เย็นๆ บรรยากาศสบายๆ ก็ให้ข้ามสะพานไปฝั่งตึกใหม่ ส่วนใครที่ชอบของกินแบบบ้านๆ นั่งรับประทานเก้าอี้พลาสติกเล็กๆ แต่รสชาติได้ใจ ก็ต้องไปที่ร้านข้างทาง ซึ่งเราขอแนะนำร้านเกาเหลา ข้าวหน้าไก่ ตรงหัวมุมตึก ใกล้กับสะพานญี่ปุ่น โดยมีจุดสังเกตง่ายๆ ที่ป้าย “Com Ga” (อ่านว่า เกิ่ม-กา) และ “Cao Lao” (อ่านว่า เก่า-เหลา)

“เกิ่มกา” เป็นอาหารที่สามารถหารับประทานได้ทั่วๆ ไป แทบทุกที่ในฮอยอัน โดยหน้าตาจะคล้ายๆ ข้าวมันไก่ในบ้านเรา แต่จะต่างกันตรงที่ข้าวมันไก่ของเรา คือไก่สับที่โปะมาบนข้าวที่หุงด้วยมันไก่ ข้าวจะต้องเป็นเมล็ดเงางามจึงจะน่ารับประทาน แต่เกิ่มกาจะเป็นเนื้อไก่ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ โรยหน้ามาบนข้าวเมล็ดหัก แถมมีน้ำพริกและผักหอม โปะมาด้านบน ตามสไตล์อาหารเวียดนาม ซึ่งแนะนำว่า ใครได้ไปฮอยอันไม่ควรพลาดไปชิม “เกิ่มกา” ที่ร้านนี้จะมีอาหารขึ้นชื่ออีกอย่างเรียกว่า “เก่าเหลา” ซึ่งฟังจากชื่อแล้ว ก็ชวนให้นึกถึงเกาเหลา หรือก๋วยเตี๋ยวที่ไม่ใส่เส้นในบ้านเรา แต่เก่าเหลาที่ฮอยอัน กลับเป็นก๋วยเตี๋ยวที่ใส่เส้นจ้า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงชื่อคล้ายกับเกาเหลาของเรา จนชวนให้สับสน ส่วนเรื่องรสชาตินั้นก็ต้องบอกว่าอร่อยเข้มข้น ไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวต้มยำของบ้านเราเลย

ฮอยอัน ฉันรักเธอ (ยิ่งกว่าเดิม)

อันที่จริงมีอาหารหลักอีกเมนูหนึ่ง ที่หารับประทานง่ายในย่านเมืองเก่าเช่นกัน และคาดว่าน่าจะถูกปากคนไทยอย่างเราๆ นั่นก็คือ “หมี่กวง” (Quang noodle) เป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นไม่ใหญ่มาก (ขนาดใหญ่กว่าก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก แต่เล็กกว่าก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ของไทยเรา)
รับประทานแบบกึ่งน้ำกึ่งแห้ง คือจะมีใส่น้ำซุป (สีคล้ายๆ ต้มยำ แต่ไม่เผ็ด) แค่พอขลุกขลิกเท่านั้น ใส่เนื้อวัว เนื้อไก่ และโรยหน้าด้วยผักหอม ถั่วลิสงคั่ว และหอมเจียว แถมยังวางข้าวเกรียบทับมาด้วยอีกต่างหาก เรียกได้ว่าครบเครื่องแบบเคี้ยวมัน+ทานเพลินกันเลยทีเดียว

เชื่อว่าการรับประทานอาหารที่ร้านข้างทางในเขตเมืองเก่าของฮอยอัน เป็นบรรยากาศที่เพลินสุดๆ แถมราคาประหยัดอีกต่างหาก แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าใครรู้สึกว่าชมบรรยากาศเมืองเก่าจนอิ่มตัวแล้ว เราก็ยังมีร้านอาหารเด็ดอีกร้านหนึ่ง ที่อยู่นอกเมืองออกไป เป็นร้านอาหารอร่อย ตั้งอยู่กลางทุ่งนา ชื่อว่าร้าน เดอะฟีลด์ (The Field) ร้านนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองออกมา 3 กิโลเมตร ล้อมรอบไปด้วยทุ่งนาและแม่น้ำ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เสิร์ฟธรรมชาติ มาข้างจานอาหาร” แม้ว่าราคาอาหารจะไม่ได้เป็นราคาประหยัดเหมือนร้านข้างทาง แต่เมื่อเทียบกับบรรยากาศที่ได้แล้ว ก็ถือว่าคุ้มค่าสุดๆ ไปเลย

นอกจากจะมีของกินอร่อยแล้ว อดีตเมืองท่าปากแม่น้ำที่ชื่อว่าฮอยอันแห่งนี้ยังมีกิจกรรมให้ได้สนุกสนานอีกมาก แต่ที่พลาดไม่ได้เลย คือการไปลองนั่งเรือตะกร้า หรือ Basket boat ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของเวียดนามกลาง โดยเจ้าเรือตะกร้าที่ว่านั้น ทำมาจากไม้ไผ่สาน เป็นทรงเหมือนตะกร้าใบใหญ่ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร ซึ่งจะมีบริการพานักท่องเที่ยวล่องไปตามแม่น้ำ และคลองเล็กๆ แถมบางลำยังมีบริการพายเรือซิ่งอีกต่างหาก รับรองว่าสนุกเร้าใจแน่ เพราะว่าเจ้าเรือที่เป็นรูปร่างกลมๆ แบบนี้ ลำพังแค่นั่งแบบธรรมดา ก็หวาดเสียวพอแล้ว

ฮอยอัน ฉันรักเธอ (ยิ่งกว่าเดิม)

เรือตะกร้าเป็นเล็กๆ น้ำหนักเบา แต่พายยากมาก เพราะถ้าพายไม่เป็นมันก็จะวนอยู่ที่เดิม และถ้านั่งไม่ถูกตำแหน่ง เวลาออกพาย เรือก็จะล่มได้เช่นกัน ดังนั้นคนพายจะนั่งอยู่ข้างหน้า ส่วนผู้โดยสารอีก 2 คนก็นั่งกระจายน้ำหนักกันไปแต่ละมุม (อันที่จริงเรือแบบนี้สามารถจุคนได้สูงสุดถึง 10 คนเลยดีเดียว) โดยคนพายจะใช้พายจ้วงกวักน้ำ เพื่อให้เรือเคลื่อนที่ไปข้างหน้า

ว่ากันว่าเจ้าเรือตะกร้าที่เห็นอยู่นี้ มีจุดกำเนิดขึ้นตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส ที่ผู้เป็นเจ้าของเรือประมงต้องเสียภาษีให้กับรัฐบาล แต่ชาวประมงส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ไม่สามารถจ่ายภาษีไหว จึงเริ่มคิดค้นเรือแบบใหม่เพื่อใช้หาปลา และโต้แย้งว่านี่ไม่ใช่เรือประมง จึงไม่ควรต้องเสียภาษีและเดาว่าคงจะได้ผล เพราะหลังจากนั้น เรือแบบนี้ก็ใช้กันแพร่หลายในเวียดนามกลาง และก็ไม่ได้ใช้เพื่อหาปลาเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นเรือโดยสารขนาดเล็กได้อีกด้วย

ในสมัยโบราณ เขาจะใช้ไม้ไผ่มาจักเป็นตอก แล้วสานเป็นตะกร้าขนาดใหญ่ ฉาบด้วยมูลโคผสมกับปูน แล้วทางทับด้วยน้ำมันจากต้นยางนา แต่ปัจจุบันนี้ มีวัสดุสมัยใหม่เข้ามาแทนที่ ก็จะใช้เรซิ่นมาเคลือบแทน หรือบางลำก็อาจทำจากไฟเบอร์กลาสเลยก็มีค่าโดยสารก็ตกลำละ 300-500 บาท แล้วแต่ต่อรอง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งคนพายเรือ จะพานักท่องเที่ยวล่องตามแม่น้ำ แล้วก็เลาะไปตามคลองเล็กคลองน้อย ลุยเข้าไปในดงต้นจาก แล้วเด็ดใบจากมาสานเป็นของเล่นให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกัน แต่บางลำ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือที่บริการนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม) จะพยายามสร้างความสนุกสนานโดยการเปิดเพลงเสียงดังอึกทึก แล้วร้องเล่น หรือพายเรือซิ่งตามจังหวะดนตรี ซึ่งอันนี้ ก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เพราะบางทีก็ถูกมองว่า เป็นการไปรบกวนธรรมชาติ และผู้คนที่อาศัยอยู่แถวนั้น

ฮอยอัน ฉันรักเธอ (ยิ่งกว่าเดิม)

แม้จะเป็นเรือที่ใช้กันแพร่หลายแทบทุกเมืองของเวียดนามกลาง แต่ดูเหมือนว่าปัจจุบันนี้จะมีบริการเรือสำหรับนักท่องเที่ยวแบบนี้ เฉพาะที่ฮอยอันเท่านั้น ดังนั้น ใครอุตส่าห์ได้ไปถึงฮอยอันแล้วต้องไม่พลาดเด็ดขาด

ถัดจากนั่งเรือเล่น ถ้ายังมีเวลาเหลือ เราแนะนำให้ลองไปเที่ยวเล่นที่หาด “อันบัง (An Bang beach)” ซึ่งเป็นหาดที่มีชื่อเสียงและคับคั่งที่สุดของฮอยอัน ซึ่งอาจเป็นเพราะการเดินทางไปยังหาดที่ค่อนข้างสะดวก จึงเป็นเหมือนของแถม สำหรับการมาเที่ยวฮอยอัน ที่หลายคนจะไม่ยอมพลาดเป็นอันขาด

อันที่จริงแล้ว ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่ควรจะไปเที่ยวหาดอันบัง ก็อยู่ระหว่างเดือน มี.ค.ไปจนถึงเดือน ก.ย. เพราะลมจะไม่แรงมาก แต่ถ้าเป็นเดือนอื่นแล้วจะมีมรสุมเข้า ซึ่งทำให้ลมแรงและคลื่นสูง ซึ่งเวลาที่คลื่นสูงคือสูงมากถึง 3 เมตรเลยทีเดียว ดังนั้น ร้านค้าริมหาดจึงต้องยกสูงกว่าพื้นหาดมาก เพื่อให้หนีพ้นระดับคลื่นที่พัดเข้ามาแรงๆ

ด้วยเหตุที่นักท่องเที่ยวที่มายังหาดนี้ มีความหลากหลายกลุ่ม หลายระดับ ทำให้ข้าวของที่วางขายมีความหลากหลายตามไปด้วย อย่างเช่น ร้านค้าอาหารและเครื่องดื่ม ก็มีตั้งแต่ระดับหาบเร่ริมหาด ไปจนถึงภัตตาคารแบบซีวิวเลยทีเดียว ซึ่งนักท่องเที่ยวก็สามารถเลือกได้ตามความชอบและตามศักยภาพการจ่าย

ฮอยอัน ฉันรักเธอ (ยิ่งกว่าเดิม)

นักท่องเที่ยวกลุ่มบนที่มายังหาดนี้ ส่วนมากจะเป็นคนจีนและคนเกาหลี ทำให้ร้านค้า ร้านอาหารหลายๆ ร้าน มักจะจัดร้านแบบกิ๊บเก๋ตามสไตล์เกาหลี แต่สำหรับคนที่อยากหาร้านอาหารทะเลสดๆ ปรุงอร่อยๆ ในราคาประหยัด ก็มีให้เลือกหลายร้านเช่นกัน ซึ่งสังเกตง่ายเลยว่า ถ้าร้านไหนมีคนพื้นเมืองนั่งเยอะๆ แปลว่ารสชาติอร่อย แถมราคาไม่แพงจนเกินไป และถ้าจะให้ฟินสุดๆ แนะนำว่าให้รับประทานมื้อค่ำที่หาดแห่งนี้เลย เพราะจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกเช่นกัน

มาถึงตอนนี้ เราอยากย้ำอีกทีว่า ฮอยอันไม่ได้มีแค่ความคลาสสิกของหมู่อาคารเก่าสีเหลืองเข้มเท่านั้น แต่เมืองนี้ยังมีความสดชื่นจากท้องทุ่งนา และมีความชุ่มฉ่ำจากสายน้ำ มีความสนุกสนานจากท้องทะเล และยังมีของกินอร่อยๆ อีกเพียบ ดังนั้น ถ้าใครมีศักยภาพเดินทางไปได้ เราแนะนำให้ไปเลย รับรองว่าจะประทับใจ และรู้สึกคุ้มค่าอย่างแน่นอน

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ ในรายการโลก 360 องศา เช้าวันอาทิตย์นี้ หลังเคารพธงชาติ ทางช่องไทยรัฐทีวี