posttoday

เที่ยวเกาหลี...เที่ยวสุดฟิน กินสุดเพลิน

02 มิถุนายน 2561

“อย่าให้คำบอกเล่าของคนอื่น มาทำให้คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในเกาหลีใต้!!!”

โดย...ทีมงานโลก 360 องศา

“อย่าให้คำบอกเล่าของคนอื่น มาทำให้คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในเกาหลีใต้!!!” เพราะว่าประเทศนี้ได้ขึ้นชื่อว่ามีความสร้างสรรค์ในแทบทุกด้าน รวมทั้งด้านการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน ทำให้ธุรกิจการบริการและการท่องเที่ยว มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น แต่ละสถานที่ท่องเที่ยวก็หมั่นปรับปรุงและสร้างสรรค์กิจกรรมให้มีความสด มีความใหม่ และมีสีสันอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ก็การเปลี่ยนแปลง แข่งขันกัน ทั้งเรื่องรสชาติอาหารและบรรยากาศภายในร้าน ทำให้นักท่องเที่ยวมีทางเลือกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวแบบ F.I.T.

F.I.T. หรือ Free Independent Traveller เป็นรูปแบบของนักท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ด้วยตนเอง เลือกวิธีการเดินทางเอง เลือกสถานที่เอง เลือกที่กิน เลือกที่พักเอง โดยไม่ได้ถูกกำหนดตารางกิจกรรมหรือเมนูอาหารจากบริษัททัวร์ ทำให้คนกลุ่มนี้มีอิสระในเลือก แน่นอนว่าน่าจะเป็นวิธีการท่องเที่ยวในฝันของหลายๆ คน แต่รูปแบบ F.I.T ก็ไม่ได้แพร่หลายทุกประเทศ เราจะพบเห็นได้มากในประเทศที่มีความพร้อมด้านสาธารณูปโภคเสียมากกว่า

เกาหลีใต้เป็นหนึ่งประเทศปลายทางท่องเที่ยวที่มีความพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเที่ยวเอง เพราะระบบขนส่งมีความพร้อม ผู้คนคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยว​ และอาหารการกินหาได้ง่าย

ถ้าใครอยากลองเที่ยวเกาหลีใต้ด้วยตนเอง ก็สามารถเริ่มต้นได้จากการเปิดอินเทอร์เน็ต หาข้อมูลเมืองที่อยากไป ดูยูทูบรายการท่องเที่ยวต่างประเทศ แล้วจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด หาที่พักทำเลดีๆ และวางแผนเดินทางให้สอดคล้องกับสังขาร​ ส่วนเรื่องเงินช็อปปิ้ง ก็คงต้องพยายามหาจุดลงตัวระหว่างศักยภาพทางการเงินของตนเอง กับกิเลสที่จะเข้ามารุมเร้าตลอดเวลา

เที่ยวเกาหลี...เที่ยวสุดฟิน กินสุดเพลิน

แน่นอนว่า ถ้าได้ไปเที่ยวเกาหลี จะต้องไม่พลาดไปกรุงโซล ซึ่งข้อมูลการเที่ยวกรุงโซล มีอยู่มากมายมหาศาล ในเว็บไซต์ และยูทูบ ดังนั้น คลิกเข้าไปดู เปิดเข้าไปชม ให้พอเข้าใจก่อนออกเดินทางไปเที่ยว ก็จะเป็นการดี

“นอกเหนือจากกรุงโซลแล้ว จะไปที่ไหนอีกล่ะ?” คำตอบคือ ไปได้ทุกจังหวัดเลยจ้า เพราะประเทศนี้ เขามีการส่งเสริมการท่องเที่ยวกันทุกจังหวัด แถมแต่ละจังหวัดก็จะพยายามดึงจุดดี ชี้จุดเด่นของตัวเองให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่า “คุณคิดถูกแล้ว ที่มาเที่ยวจังหวัดของเรา!!!”

ตัวอย่างเช่น การไปที่จังหวัดชอลลาบุค (Chollabuk-do) ที่อยู่ทางฝั่งตะวันตก เยื้องลงไปทางใต้ของประเทศนั้น เขามีจุดขายที่หลักๆ คือ (1) เมืองหลวงของจังหวัด ที่ชื่อว่า จอนจู (Jeonju) มีหมู่บ้านโบราณ ที่นักท่องเที่ยวสามารถมาเช่าชุดประจำชาติเกาหลี ที่เรียกว่า ฮันบก (Hanbok) แล้วเดินถ่ายรูปเล่นกับอาคารรูปทรงเก่าแก่ ได้สวยงามที่สุด (2) ถ้าใครอยากลองปั่นจักรยานบนรางรถไฟ (Rail Bike) ในเส้นทางที่ท้าทายที่สุด ก็ต้องมาที่จังหวัดนี้ (3) ใครอยากลองกินบิบิมบับ (Bibimbub) หรือข้าวยำเกาหลี ที่เป็นต้นฉบับเกาหลีแท้ๆ ก็ต้องมากินที่เมืองนี้

จอนจู (Jeonju) เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของคนเกาหลี มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีอาคารเก่าแก่​ มีของกินขึ้นชื่อ และเป็นแหล่งเรียนรู้ปรัชญาขงจื๊อในสมัยโบราณของคนเกาหลี ทำให้ที่นั่นมีบรรยากาศของความเป็นเกาหลีโบราณในทุกมิติ ทั้งในแง่ของอาคาร และวิถีชีวิตของผู้คน ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวจะรู้สึกกลมกลืนกับบรรยากาศเป็นอย่างมาก ยิ่งได้ใส่ชุดฮันบกสีสดใสเดินเล่นในหมู่บ้านโบราณแห่งนี้ด้วยแล้วละก็ เสมือนว่าได้เดินย้อนยุคไปในอาณาจักรโชซอนกันเลยทีเดียว และด้วยความสร้างสรรค์ด้านอาหารและวัฒนธรรมของเมืองนี้ ทำให้จอนจูได้รับเลือกจากยูเนสโก ให้เป็น “Creative Cities for Gastronomy” ในปี 2012

เที่ยวเกาหลี...เที่ยวสุดฟิน กินสุดเพลิน

 

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ตั้งเป้าว่า อยากจะเดินเที่ยวให้ครบทุกซอกทุกมุมของหมู่บ้านโบราณแห่งนี้ คงต้องเผื่อเวลาไว้สัก 2-3 วันกันเลยทีเดียว เพราะขนาดที่ใหญ่โตของพื้นที่ และที่ร้ายไปกว่านั้นคือ ตลอดสองข้างทางของการเดินเที่ยว ก็จะต้องโดนยั่วใจด้วยข้าวของที่วางขายและอาหารการกินที่มีสีสันยั่วยวนเสียเหลือเกิน

แม้ว่าใครจะใจแข็งไม่วอกแวกให้กับสิ่งดึงดูดข้างทางได้สำเร็จ แต่ก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปชิมบิบิมบับ (Bibimbub) หรือข้าวยำเกาหลีแห่งเมืองจอนจู เพราะว่านี่คือต้นฉบับของข้าวยำเกาหลีที่แพร่หลายอยู่ทั่วประเทศ ณ เวลานี้ และคนเกาหลีเขาเชื่อกันว่า กิน
บิบิมบับที่ไหน ก็ไม่อร่อยเท่ากินที่เมืองจอนจู

ส่วนใครที่ไม่รู้ว่าบิบิมบับคืออะไร ก็ขออธิบายง่ายๆ ว่า มันคือ ข้าวสวยร้อนๆ นิ่มๆ ที่โปะมาด้วยผักสด ผักลวก ผักดอง อาจมีเนื้อสัตว์ และไข่ไก่โปะหน้ามาด้วย เวลาจะรับประทานก็ปรุงรสเองด้วยซอสพริกแบบเกาหลี จากนั้นก็คลุกเคล้าให้เข้ากันก่อน แล้วใช้ช้อนด้ามยาวตามสไตล์เกาหลี ตักใส่ปากได้เลย ซึ่งว่ากันว่า ถ้าใครมาเกาหลีแล้วไม่เคยชิมบิบิมบับ ก็เหมือนมาไม่ถึงเกาหลี ส่วนใครลองแล้ว จะชอบหรือไม่ อันนี้ก็คงขึ้นกับรสนิยมส่วนตัวเสียมากกว่า แต่ที่แน่ๆ อาหารจานนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน 50 อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก

นอกจากบิบิมบับ หรือข้าวยำเกาหลีแล้ว ถ้าได้ไปถึงเกาหลีใต้ อีกหนึ่งเมนูที่ต้องลอง ก็คือ “นูรงจิ (Nurongji)” หรือ “ข้าวก้นหม้อ” นี่แหละ ซึ่งหลายคนคงสงสัยว่า ข้าวก้นหม้อคืออะไร แล้วทำไมคนเกาหลีถึงชอบกิน? คำตอบก็คือ ในสมัยโบราณที่ยังไม่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าอย่างทุกวันนี้ คนเกาหลีต้องหุงข้าวในหม้อที่เป็นโลหะ (ไม่มีสารเทฟลอนเคลือบภาชนะ) ก็จะมีข้าวเหลือติดก้นหม้อ ซึ่งเป็นสิ่งน่าเสียดาย คนเกาหลีในสมัยโบราณจึงหาวิธีกิน ครั้นจะใช้ช้อนขูดออกมา ก็ยังไม่หมดเกลี้ยง จึงใช้วิธีเติมน้ำร้อนเข้าไป ให้ข้าวก้นหม้อนิ่ม และลอกออกมาผสมกัน กลายเป็นข้าวต้มที่มีกลิ่นหอมเกรียมๆ ได้รสชาติที่แปลกแต่เป็นเอกลักษณ์ แถมคนโบราณยังเชื่อกันว่าข้าวก้นหม้อนี่แหละ ดีต่อสุขภาพ ช่วยป้องกันอาการท้องอืดหลังรับประทานอาหาร

เที่ยวเกาหลี...เที่ยวสุดฟิน กินสุดเพลิน

แต่หม้อหุงข้าวไฟฟ้าสมัยใหม่ก็ช่างดีเสียเหลือเกิน ดีจนหุงข้าวอย่างไรก็ไม่มีทางติดก้นหม้อ

ปัจจุบันนี้ ถ้าคนเกาหลีอยากรับประทานข้าวก้นหม้อ ก็ต้องไปซื้อหม้อหุงข้าวไฟฟ้าแบบพิเศษมาโดยเฉพาะ หรือไม่ก็ต้องไปรับประทานที่ร้านอาหาร เพราะตามร้านอาหาร เขาจะหุงข้าวทีละถ้วยในชามหิน ซึ่งนอกจากจะเก็บความร้อน ทำให้ข้าวอุ่นได้นานแล้ว ยังจะได้ข้าวก้นหม้ออีกด้วย

ถ้าใครอยากจะลองชิมข้าวก้นหม้อที่ว่ากันว่าอร่อยที่สุดในเกาหลีใต้ละก็ แนะนำให้ไปที่เมืองอิชอน (Icheon) เพราะเมืองนี้ เป็นแหล่งปลูกข้าวคุณภาพของประเทศ แต่จะว่ากันไปตามจริงแล้ว หลายๆ เมืองในเกาหลีใต้ก็สามารถผลิตข้าวคุณภาพดีได้ไม่แพ้กัน เพียงแต่ว่าที่เมืองอิชอนนี้มีจุดขายตรงที่เป็นแหล่งปลูกข้าว สำหรับส่งเข้าไปในพระราชวัง ดังนั้น เขาก็เลยอาศัยจุดเด่นตรงนี้ทำการโปรโมทเสียเลยว่า นี่คือข้าวที่ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดีแล้ว จนได้รับเลือกให้เป็นข้าวที่เอาไปเสิร์ฟถึงในวัง

ถ้าใครมาถึงเมืองอิชอน ก่อนจะตรงไปกินข้าว ก็แนะนำให้แวะไปชมเครื่องปั้นดินเผาของเมืองนี้เสียก่อน เพราะว่าที่นั่นเป็นเมืองผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่ขึ้นชื่อที่สุดของประเทศ เนื่องจากเมืองนี้เป็นถิ่นที่อยู่ของศิลปินนักปั้นจำนวนมาก นอกจากเครื่องปั้นดินเผาของอิชอนจะมีความสวยงามแล้ว ยังมีรูปแบบที่สร้างสรรค์อีกด้วย

ส่วนใครที่คิดว่า การเดินทางไปเมืองจอนจู และเมืองอิชอน อาจจะยากเกินไป หรือใช้เวลาเดินทางมากไป ก็ขอแนะนำให้ไปที่เมืองโพชอน (Pocheon) แทนก็ได้ เพราะที่นั่นห่างจากกรุงโซลไม่มาก แต่มีอากาศเย็นสบาย และมีภูมิประเทศสวยงามแปลกตา เพราะเต็มไปด้วยภูเขาและป่าไม้

เที่ยวเกาหลี...เที่ยวสุดฟิน กินสุดเพลิน

ส่วนสถานที่แนะนำของเมืองโพชอน ก็คือ “หุบเขาศิลปะโพชอน” (Pocheon Art Valley) ซึ่งเป็นเหมืองหินแกรนิตเก่า ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่มีภูมิประเทศที่สวยงามแปลกตา ถูกนำมาเนรมิตให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสีสัน และชิ้นงานศิลปะอันงดงาม และไฮไลต์ของที่นั่นก็คือ สระมรกตขนาดใหญ่ ที่เป็นผลพลอยได้จากการขุดเอาหินแกรนิตไปใช้งาน จนเหลือเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ ที่ตะกอนหินปูนทำปฏิกิริยากับน้ำและแสง เกิดเป็นสระน้ำสีเขียวมรกตขนาดใหญ่ แถมมีการจัดแต่งอย่างสวยงาม เหมือนดินแดนในเทพนิยายเลยก็ว่าได้

หลังจากชมธรรมชาติเสร็จ ก็ต้องไม่พลาดชิม “คาลบี้” (Galbi) หรือเนื้อย่างเกาหลีของเมืองโพชอน ซึ่งจะให้อร่อยเด็ด ต้องไปตามหาร้านที่ยังย่างด้วยเตาถ่านเท่านั้น

และไม่ต้องแปลกใจถ้าไปร้านเนื้อย่างเกาหลี แล้วเห็นเขาเสิร์ฟเนื้อติดกระดูกซี่โครงมาด้วย เพราะนั่นคือเนื้อส่วนที่เอามาย่างแล้วอร่อยที่สุด โดยคนเกาหลีจะรับประทานเนื้อย่างคู่กับผักสดและกิมจิ เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร และมักปิดท้ายมื้ออาหารด้วยข้าวสวย หรือเส้นหมี่ เพื่อให้อยู่ท้อง แถมบางทียังมีตบท้ายด้วยของหวานอีกต่างหาก

บทสรุปสั้น สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในเกาหลีใต้ ก็ต้องบอกว่า ประเทศนี้ เที่ยวสุดฟิน กินสุดเพลิน ของจริงเลย ซึ่งถ้าใครมีศักยภาพในการเดินทางท่องเที่ยวเองละก็ แนะนำเลยว่า ต้องไม่พลาดที่จะเดินทางไปประเทศนี้ ติดตามเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ในรายการโลก 360 องศา เช้าวันอาทิตย์ หลังเคารพธงชาติทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32