posttoday

ยอมทิ้งหัวใจไว้ที่หมกโจว์ ประเทศเวียดนาม

31 มีนาคม 2561

สำหรับชาวกรุงเทพมหานครตัวเลือกในการเดินทางออกไปท่องเที่ยวในวันหยุด จะต้องมีพัทยา หัวหิน และเขาใหญ่

สำหรับชาวกรุงเทพมหานครตัวเลือกในการเดินทางออกไปท่องเที่ยวในวันหยุด จะต้องมีพัทยา หัวหิน และเขาใหญ่ เป็นตัวเลือกแน่นอน เพราะเดินทางสะดวก ระยะทางไม่ไกล และมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อม  แล้วถ้าหากเป็นชาวฮานอย ประเทศเวียดนาม พวกเขาเลือกจะไปเที่ยวที่ไหนในวันหยุด มีอยู่เมืองหนึ่งที่ชาวฮานอยมักจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ นั่นก็คือเมืองหมกโจว์ (Moc Chau)

หมกโจว์เป็นเมืองเล็กๆ ที่รายล้อมไปด้วยขุนเขาและที่ราบสูงของจังหวัดเซินลา ห่างจากกรุงฮานอยเพียง 200 กิโลเมตรเท่านั้น สามารถใช้เส้นทางโทลล์เวย์และทางหลวงที่ค่อนข้างดีมีไหล่ทางกว้าง สามารถทำความเร็วได้ ถ้าใครมาเวียดนามบ่อยๆ จะทราบดีว่าถนนที่นี่ส่วนมากมีไหล่ทางแคบ นี่เองที่ทำให้ชาวฮานอยรู้สึกสะดวกสบายในการเดินทางมาเที่ยวหมกโจว์ ใครมีรถยนต์ส่วนตัววันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็สามารถพาครอบครัวมาเที่ยวได้สบายๆ หรือจะมาด้วยรถบัสก็มีบริการทุกวัน  แต่ถ้าอยากท้าทายในแบบฉบับวัยรุ่นเวียดนามนิยม นั่นก็คือการท่องเที่ยวด้วยรถจักรยานยนต์  นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็สามารถทำได้  สามารถหาเช่าได้ง่ายในเขตเมืองเก่า ซึ่งเส้นทางมาหมกโจว์ก็อยู่ในรัศมีที่ไม่ไกลจากกรุงฮานอย

บนเส้นทางระหว่างกรุงฮานอยไปหมกโจว์ พวกเราได้รับคำแนะนำให้หยุดพักที่เมืองไหมโจว์ (Mai Chau)  เมืองเล็กๆ บนที่ราบลุ่มที่โอบล้อมด้วยขุนเขาขนาบทั้งสองด้าน มองไปทางไหนก็จะเจอกับบ้านไม้ยกพื้นสูง หลังคาทรงสามเหลี่ยมแลดูคล้ายบ้านเรือนในชนบทของประเทศไทย  ไม่แปลกถ้าจะรู้สึกแบบนั้น เพราะที่นี่คือชุมชนชาวไทขาว  กลุ่มชาติพันธุ์ในตระกูลไท-กะได เหมือนเช่นคนไทยเรานั่นเอง  พวกเขาจึงมีวัฒนธรรมและภาษาใกล้เคียงกับคนไทย

ยอมทิ้งหัวใจไว้ที่หมกโจว์ ประเทศเวียดนาม

ชุมชนบ้านลัค (Ban Lac) คือชุมชนชาวไทขาว ที่มีการพัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม  มีการปรับปรุงบ้านเรือนให้เป็นที่พักแบบโฮมสเตย์ และพัฒนาเส้นทางเดินเท้ารอบหมู่บ้าน  รวมถึงร้านอาหารต่างๆ  ให้สามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามและชาวต่างชาติได้  ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างมาก  เพราะใช้เวลาขับรถจากกรุงฮานอยมาแค่เพียงสองชั่วโมงเท่านั้น ก็สามารถมาสัมผัสกับบรรยากาศเงียบสงบของชนบท และทัศนียภาพสวยงามเขียวขจีผ่อนคลายสบายตา

อาหารการกินของชาวไทขาวก็มีความโดดเด่นไม่เหมือนอาหารของชาวเวียดนาม  เพราะมีข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก รับประทานคู่กับเนื้อย่าง ผักลวก ผัดผักสารพัด เสิร์ฟบนถาดกระด้งรองด้วยใบตอง ทีมงานโลก 360 องศา มาถึงที่นี่มีหรือจะไม่ลองชิม ซึ่งคุณป้าชาวไทขาวเจ้าของร้านเมื่อได้ยินเราสนทนาเป็นภาษาไทย ก็ดูจะให้ความสนใจในการแลกเปลี่ยนภาษากับพวกเรา  จนพอจะจับใจความได้ว่า การนับเลขหนึ่งถึงสิบ คำว่า “เนื้อหมู ควาย ผักกาด แกง น้อง พี่ ชาย หญิง” เป็นคำที่คนไทยและคนไทขาวพูดเหมือนกัน มากไปกว่านั้นพวกเรายังสัมผัสได้ว่า  เมื่อชาวไทขาวที่ชุมชนนี้  ทราบว่าเรามาจากประเทศไทย ดินแดนที่มีวัฒนธรรมและภาษาใกล้เคียงกันกับพวกเขา  ดูเหมือนว่าเราจะได้ต้อนรับเป็นพิเศษ และเราเองก็รู้สึกเหมือนได้เจอญาติพี่น้องที่อยู่ในต่างแดน  

ยอมทิ้งหัวใจไว้ที่หมกโจว์ ประเทศเวียดนาม

ออกเดินทางจากเมืองไหมโจว์มาถึงเมืองหมกโจว์ เมืองเล็กๆ แต่กลับมีโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่ง  เพราะเมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศที่ได้รับความนิยมตลอดทั้งปี ช่วงเวลาที่เราเดินทางไปก็ตรงกับฤดูใบไม้ผลิ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะมาเที่ยวที่นี่  เพราะเป็นฤดูกาลที่ดอกพลัมบานสะพรั่ง แต่พวกเราโชคไม่ดีปีนี้อากาศแปรปรวนมีพายุฤดูร้อน  ดอกพลัมจึงร่วงโรยเกือบหมด  จะเหลือก็เพียงทุ่งดอกคาโนล่าเหลืองสีสันสดใสคอยปลอบใจพวกเรา  ถึงอย่างไรก็ตามหมกโจว์ก็ยังเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเวียดนามทางใต้ ที่หนีร้อนมาสัมผัสอากาศเย็นที่นี่  และมาท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เช่น ไร่ชาโด่ยแจ (Doi Che) ไร่ชาที่มีชื่อเสียงของหมกโจว์  ใครมาเที่ยวที่นี่ก็จะต้องแวะถ่ายรูปกับแปลงชารูปหัวใจ เช่าชุดชาวม้งสวมใส่ถ่ายรูปกับไร่ชา และถ่ายกับเด็กๆ ชาวม้ง แต่งตัวสีสันสดใสเป็นที่ระลึก โดยให้ค่าขนมเล็กน้อยเป็นการตอบแทน ซึ่งเด็กๆ ที่นี่ก็น่ารัก ไม่มาตามตื้อ หรือมาเดินขอเงินนักท่องเที่ยวทำให้เกิดความรำคาญ

นอกจากนั้นแล้ว หมกโจว์ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวไร่สตรอเบอร์รี่  เพียงเสียค่าผ่านประตูคิดเป็นเงินไทยประมาณ 45 บาท  จะเด็ดสตรอเบอร์รี่สดๆ รับประทานแค่ไหนก็ได้ไม่จำกัด  แต่ถ้าจะเก็บในปริมาณเยอะๆ เอากลับไปกินที่บ้าน เขาก็จะคิดราคาตามน้ำหนัก ส่วนใครที่ชอบบรรยากาศของสวนไม้ดอกไม้ประดับ  อยากจะไปถ่ายรูปกับดอกไม้สีสันสดใส  แนะนำให้ไปที่หมกโจว์แฮปปี้แลนด์  สวนดอกไม้ใจกลางหุบเขา  ที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี  โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้  ความหลากหลายของดอกไม้จะมีมากกว่าฤดูอื่นๆ  

ยอมทิ้งหัวใจไว้ที่หมกโจว์ ประเทศเวียดนาม

ปิดท้ายด้วยการท่องเที่ยวฟาร์มโคนม  เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด  เพราะผลิตภัณฑ์นมหมกโจว์มีชื่อเสียงมากๆ  เขามีเคล็ดลับในการเลี้ยงโคนมโดยการผสมดอกคาโนล่าขาวกับหญ้าให้วัวกิน  ซึ่งดอกคาโนล่าขาวมีคุณค่าทางอาหารสูง  นิยมนำมาสกัดเป็นน้ำมันเพื่อสุขภาพ  เราจึงรู้สึกได้ว่านมที่นี่มีความมันและกลมกล่อม  เมนูแนะนำคือโยเกิร์ตสูตรเวียดนามในข้าวเหนียวแดง  อร่อยมากๆ หารับประทานได้ที่เมืองนี้เท่านั้น  นอกจากนั้นแล้วฟาร์มโคนมที่นี่จะนิยมปลูกคาโนล่าขาวไว้รอบๆ คอกวัว ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งทัศนียภาพที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ของหมกโจว์

ยอมทิ้งหัวใจไว้ที่หมกโจว์ ประเทศเวียดนาม

ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงฮานอย  อีกทั้งยังมีทัศนียภาพที่งดงาม  อากาศเย็นสบายๆ ไม่วุ่นวาย คล้ายๆ กับการได้เดินทางไปท่องเที่ยวปากช่อง  นอนสูดอากาศชาร์จพลังที่เขาใหญ่  จึงไม่แปลกที่ชาวฮานอยจะยกให้หมกโจว์เป็นปลายทางแห่งการพักผ่อนและยอมทิ้งหัวใจไว้ที่เมืองนี้ แต่สำหรับเราคงทิ้งหัวใจที่นี่ไม่ได้  เพราะภารกิจการเดินทางยังไม่สิ้นสุด  อย่าลืมติดตามชมภาพบรรยากาศสวยๆ ของไหมโจว์และหมกโจว์ ได้ในรายการโลก 360 องศา  ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เช้าวันอาทิตย์หลังเคารพธงชาติ