posttoday

ไม่ใช่แค่สวย แต่ยังรวยด้วยแร่

11 พฤศจิกายน 2560

รัฐ South Australia ทางตอนใต้

รัฐ South Australia ทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย มีเมืองหลวงชื่อว่า แอดิเลด (Adelaide) เป็นเมืองที่มีสีสันและมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย มีการวางผังเมืองที่ดี จึงทำให้ Adelaide เป็นเมืองที่สะอาดสะอ้าน และเป็นระเบียบ ไม่มีปัญหาเรื่องการจราจรแออัด เพราะการจัดผังเมืองที่ดีนี่เอง นักท่องเที่ยวจึงสามารถเดินเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในตัวเมืองตามแผนที่ได้อย่างง่ายๆ แต่ถ้าอยากสะดวกสบายขึ้น ก็สามารถใช้บริการรถรางหรือรถแทรม (Tram) ก็มีไว้ให้บริการ อาจจะใช้เวลาช้าหน่อย แต่นั่นก็ทำให้เราได้มีเวลาทอดมองวิวทิวทัศน์อันสวยงามของสองข้างทางอย่างเต็มตามากขึ้น

ตัวเมือง Adelaide เป็นเมืองหลวงของรัฐชายฝั่ง แต่กลับไม่ได้อยู่ติดทะเล สาเหตุเพราะว่าที่ตั้งปัจจุบันนี้มีน้ำท่าสมบูรณ์กว่า ผู้นำในสมัยนั้น ก็เลยเลือกมาตั้งเมืองใหม่ที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำและทิวเขา แต่ถ้าหากคนในเมืองจะออกมาเที่ยวทะเลก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะมีรถรางวิ่งตรงจากใจกลางเมืองใช้เวลาสัก 30 นาที ก็มาถึงเมืองชายฝั่งทะเลที่ชื่อว่า เกรนเนลก์ ซึ่งถือว่าเป็นย่านชานเมืองที่มีชื่อเสียงของ Adelaide เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจ ไม่ไกลจากบริเวณชายหาด มีย่าน Jetty Road ที่เป็นถนนคนเดินทอดยาวเกือบ 1 กิโลเมตร ขนานไปกับแนวรถราง เป็นถนนเส้นเดียวใน Adelaide  ที่มีรถรางวิ่งจากหัวถนนไปถึงปลายถนน เป็นย่านที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบ Shopping  แถวนี้มีร้านค้ามากมาย มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านไอศกรีม ร้านเสื้อผ้า รวมถึงร้านเครื่องประดับด้วย นักท่องเที่ยวที่ได้มามักจะชื่นชอบที่นี่มากกว่าในตัวเมืองด้วยซ้ำ เพราะมีวิวทิวทัศน์อันสวยงาม พร้อมด้วยโรงแรมที่พักร้านค้า ร้านอาหารที่หลากหลายกว่าในเมืองนั่นเอง

ไม่ใช่แค่สวย แต่ยังรวยด้วยแร่

บางทีเราก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน ว่าชาวออสเตรเลี่ยน เขาโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ เพราะถึงแม้ว่าจะมีพื้นที่กว้างใหญ่ แต่กลับแห้งแล้ง สามารถเพาะปลูกและอยู่อาศัยได้บางพื้นที่แค่นั้นเอง  แต่ในขณะเดียวกัน ภายใต้ผืนดินอันแห้งแล้ง กลับอุดมไปด้วยแร่ธาตุมีค่ามากมาย ดังนั้น ถ้ามาออสเตรเลียโดยเฉพาะออสเตรเลียใต้แล้ว เขาบอกว่าที่นี่คือแหล่งของเครื่องประดับที่ชื่อโอปอล เป็นอัญมณีชนิดหนึ่ง ที่มีความมันวาว มีสีสันหลากหลาย บางคนก็เชื่อว่าหินสีชนิดนี้เป็นหินแห่งโชคลาภ  ว่ากันว่าโอปอลที่เห็นสวยงามทั่วไปในโลกนั้น 95 เปอร์เซ็นต์ มาจากออสเตรเลีย

ในเมื่อเป็นรัฐที่ขึ้นชื่อว่าแห้งแล้งที่สุด ค่าน้ำใน South Australia  จึงถือว่าแพงที่สุดในประเทศเลยเช่นกัน การแก้ปัญหาเรื่องน้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก South Australia จึงใช้วิธีสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้สำหรับภูมิภาคนี้ เช่น South Para Reservoir แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าจะสามารถเก็บกักน้ำได้เต็มอ่างทุกปี บางทีรอถึง 5 ปี กว่าน้ำจะเต็มอ่าง น้ำที่นี่จึงเป็นของหายากและมีคุณค่า ดังนั้นพื้นที่บริเวณอ่างเก็บกักน้ำจึงเป็นพื้นที่หวงห้าม ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปข้างในเด็ดขาด เมื่อน้ำเป็นของหายากและราคาแพงเช่นนี้ แม้ในฐานะนักท่องเที่ยวอย่างเราก็ควรใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่าเหมือนชาวเมืองเช่นกัน

ไม่ใช่แค่สวย แต่ยังรวยด้วยแร่

แม้จะมีลักษณะภูมิประเทศที่แตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ โดยภาพรวมแล้ว South Australia ก็จะคล้ายๆ กับรัฐอื่นตรงที่ค่าครองชีพแพงมาก เพราะว่านี่คือประเทศที่มีค่าแรงแพงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว ทำให้ที่นี่นอกจากค่าน้ำแพงแล้ว ค่าไฟก็ยังแพงถึงขั้นติดอันดับโลกด้วย มีการเปรียบเทียบไว้ว่า ค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมของ South Australia แพงกว่าค่าไฟฟ้าของสหรัฐอเมริกาถึง 10 เท่าตัวเลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะว่า ไฟฟ้าที่ใช้อยู่ในรัฐนี้ มาจากพลังงานหมุนเวียนกว่า 40 เปอร์เซ็นต์  ซึ่งรัฐบาลยังต้องให้เงินอุดหนุนอยู่ และเงินอุดหนุนดังกล่าวนั้นก็เรียกเก็บมาจากบิลค่าไฟฟ้าของประชาชนนั่นเอง

พลังงานไฟฟ้าใน South Australia กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นพลังงานหมุนเวียนนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็มาจากพลังงานลม ตามมาด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์ ข้อมูลล่าสุดระบุว่า South Australia  มีทุ่งกังหันลม อยู่ทั้งหมด 16 แห่งด้วยกัน ส่วนใหญ่จะอยู่ตามแนวชายฝั่ง มีกำลังการผลิตรวมกว่า 1,473 เมกะวัตต์ เรื่องค่าไฟฟ้าแพงนอกจากจะเป็นภาระของประชาชนแล้ว ในช่วงหน้าร้อน ซึ่งมีการใช้ไฟฟ้ามากที่สุด พื้นที่ใน South Australia จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Black out อยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากกำลังการผลิตที่ไม่เพียงพอ วิธีการแก้ปัญหาส่วนหนึ่งที่เคยทำก็คือดึงเอาไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในรัฐใกล้เคียงมาเสริม แต่ล่าสุดโรงไฟฟ้าถ่านหินดังกล่าวก็ปิดตัวลง South Australia ก็กลับมามีปัญหาอีกเช่นเดิม นโยบายทางการเมือง ที่ให้คำสัญญากับเรื่อง “Green & Clean jobs” สร้างเครดิตให้รัฐบาล แต่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเหมืองถ่านหินของทั้งประเทศ เนื่องจากการผลิตไฟฟ้า จากถ่านหินและก๊าซธรรมชาติไม่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจึงเติบโตได้ยาก ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศตามมา

ด้วยความที่ประเทศนี้มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของ South Australia ยังอยู่ได้ เพราะมีรายได้จำนวนมากจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ซึ่งถือว่าเป็น Back bone หรือกระดูกสันหลังของประเทศ ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของ
Adelaide ประมาณ 600 กิโลเมตร ก็จะมี Olympic dam mine เป็นเหมืองที่ใหญ่ที่สุด สร้างรายได้ให้กับรัฐ South Australia มากที่สุดเพราะเป็นแหล่งทองแดงใหญ่อันดับต้นๆ ของโลกและมีปริมาณสำรอง Uranium มากที่สุดในโลก หากขึ้นไปทางเหนือประมาณ 500 กิโลเมตร ก็มี Leight Creek  ที่เป็นเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ของประเทศ แต่ถึงแม้มีเหมืองถ่านหิน เอกชนก็ไม่กล้าลงทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินในรัฐนี้ เพราะนโยบายภาครัฐอุดหนุนการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมและแสงอาทิตย์มากกว่าประกอบกับกระแสการต่อต้านถ่านหินจากกลุ่มองค์กรอิสระก็ยิ่งทำให้รัฐบาลปรับแผนยากขึ้น

ไม่ใช่แค่สวย แต่ยังรวยด้วยแร่

แต่อย่างไรก็ตาม มีการแสดงความเห็นว่า กระแสต่อต้านเหล่านั้นเกิดจากการสนับสนุนของเครือข่ายจากประเทศอื่น ดังที่ Tony Abbott อดีตผู้นำประเทศเคยกล่าวไว้ “มีเครือข่ายสมรู้ร่วมคิดระดับโลก พยายามต่อต้านอุตสาหกรรมถ่านหินของออสเตรเลีย และทำลายการจ้างงานในออสเตรเลีย ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำลายผู้ใช้พลังงานทั่วโลก ที่ต้องการเชื้อเพลิงราคาถูก” อีกทั้ง Malcolm Turnbull ก็มีการตำหนิกลุ่มต่อต้าน ที่มีต่างประเทศหนุนหลังอีกด้วย เรื่องนี้เคยเป็นประเด็นทางการเมือง ถึงขั้นที่ Matt Canavan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร เรียกร้องให้กลุ่มต่อต้านเปิดเผยรายได้และการใช้เงินเพื่อกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลมาแล้ว การรับรู้ข้อมูลเหล่านี้ก็จะช่วยทำให้เราเข้าใจเงื่อนไขของประเทศนี้มากขึ้น

นอกจากเรื่องแร่ธาตุแล้ว อุตสาหกรรมหลักของที่นี่อีกอย่างก็คือ อุตสาหกรรมไวน์ เพราะว่ามีพื้นที่อยู่ในหุบเขาใกล้กับแม่น้ำสายหลัก มีสภาพอากาศที่หลากหลาย เหมาะสำหรับการเพาะปลูกองุ่นหลายสายพันธุ์ เป็นแหล่งปลูกองุ่นชั้นดีของประเทศอีกแหล่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ แม้ว่าที่นี่จะมีพื้นที่กว้างใหญ่แต่ตัวเมืองกลับเล็ก สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมก็คือ Barossa Valley เป็นเขตผลิตไวน์ที่เก่าแก่ และมีชื่อเสียงระดับโลก ชื่อมาจากภาษาสเปน Barossa Ranges ที่แปลว่า “เนินเขาแห่งกุหลาบ” (Hill of Roses) คนที่มาส่วนใหญ่ถ้าเป็นคนชอบดื่มไวน์ ก็คงจะเพลิดเพลินเลยทีเดียว แต่ถึงแม้จะไม่ใช่นักดื่ม ก็สามารถเพลิดเพลินกันทัศนียภาพได้เช่นกัน นอกจากนั้นหากใครที่อยากมาพักผ่อนหย่อนใจ ได้บรรยากาศดีๆ อากาศสบายๆ ได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้าน ต้องมาที่ Chateau Tanunda ซึ่งเป็นไร่องุ่นที่เก่าแก่ที่สุด และสวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเมือง

ไม่ใช่แค่สวย แต่ยังรวยด้วยแร่

ออสเตรเลียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความร่ำรวยของโลก มีความโชคดีที่มีทรัพยากรแร่ธาตุมากจึงมีความมั่งคั่งอันเกิดจากการค้าขายทรัพยากรธรรมชาติ ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่ผู้คนมีความสุข หากเปรียบเธอเป็นดั่งหญิงสาว นอกจากเป็นสาวสวยผู้เลอโฉมแล้วยังรุ่มรวยด้วยเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ใครอยากมาพบเจอและสัมผัสอยู่เสมอ เป็นสวรรค์สำหรับนักเดินทางที่ชื่นชอบ แม้ว่าบางครั้งดูเหมือนจะอาภัพ ที่น้ำท่าไม่ค่อยจะทั่วถึง บางช่วงบางฤดูก็แห้งแล้งมาก แต่อย่างไรก็ตามภูมิประเทศสวยงามแบบชนบทอันงดงามที่เป็นทัศนียภาพแปลกตายิ่งกว่าเมืองใดในโลก กลับเป็นความสวยงามแบบที่ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ นี่แหละที่เรียกว่า ธรรมชาติมักจัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด ลงตัวที่สุดให้แล้วเสมอ

ติดตามชมเรื่องราวทั้งหมดได้ในรายการโลก 360 องศา วันเสาร์นี้ ทาง ททบ.5