posttoday

รัสเซียใต้ดิน เสพงานศิลป์ในสถานีรถไฟ

16 กันยายน 2560

โดย อุเทน เหมือนทัพ ภาพ : วิศิษฐ์ แถมเงินเงิน 100 รูเบิ้ล ทำอะไรได้บ้างใน "มอสโก" เราอาจเห็นบ่อยๆ ในเว็บพันทิปสำหรับกระทู้ทำนองว่า “ถ้ามีเงิน 100 บาท จะใช้อย่างไรให้ถึงสิ้นเดือน” แต่ถ้าสมมติว่าตอนนี้เราอยู่ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย สมมติว่าเราใช้เงินช็อปปิ้งเกือบหมดแล้ว และสมมติว่าเรายังมีวันว่างอีก 1 วันก่อนกลับบ้าน เราน่าจะทำอะไรดี จัตุรัสแดง พระราชวังเครมลิน หรือโบสถ์เซนต์บาซิล แลนด์มาร์คของมอสโก 3 แห่งนี้ คงไม่เหลือรอดจนถึงวันสุดท้าย แต่ถ้าแนะนำให้ใช้เงินก้นกระเป๋าไปเที่ยว “สถานีรถไฟใต้ดิน” 9 แห่งที่มีเอกลักษณ์ต่างกัน จะน่าสนใจพอไหม? สถานีรถไฟใต้ดินของรัสเซียแต่ละสถานีจะมีประวัติและการตกแต่งที่ไม่เหมือนใคร โดยแต่ละสถานีมีการออกแบบและวางเรื่องราวที่น่าสนใจ ขนาดที่ว่ามีโปรแกรมทัวร์สถานีรถไฟใต้ดินในมอสโก มีไกด์ท้องถิ่นพาชม มีลูกทัวร์เดินตาม ประหนึ่งเข้าชมพระราชวังปีเตอร์ฮอฟกันเลยทีเดียว ซึ่งเหตุที่ต้องมีไกด์พาชมสถานี นอกจากจะได้ไม่หลงทางแล้ว ลูกทัวร์ยังจะได้เข้าใจเรื่องราวในแต่ละสถานีได้ลึกซึ้ง เพราะอย่างที่ทราบกันภาษาที่ใช้ทั่วไปจะเป็นภาษารัสเซีย ตั้งแต่ตั๋วรถไฟจน

โดย อุเทน เหมือนทัพ ภาพ : วิศิษฐ์ แถมเงิน

เงิน 100 รูเบิ้ล ทำอะไรได้บ้างใน "มอสโก"

 เราอาจเห็นบ่อยๆ ในเว็บพันทิปสำหรับกระทู้ทำนองว่า “ถ้ามีเงิน 100 บาท จะใช้อย่างไรให้ถึงสิ้นเดือน” แต่ถ้าสมมติว่าตอนนี้เราอยู่ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย สมมติว่าเราใช้เงินช็อปปิ้งเกือบหมดแล้ว และสมมติว่าเรายังมีวันว่างอีก 1 วันก่อนกลับบ้าน เราน่าจะทำอะไรดี

 จัตุรัสแดง พระราชวังเครมลิน หรือโบสถ์เซนต์บาซิล แลนด์มาร์คของมอสโก 3 แห่งนี้ คงไม่เหลือรอดจนถึงวันสุดท้าย แต่ถ้าแนะนำให้ใช้เงินก้นกระเป๋าไปเที่ยว “สถานีรถไฟใต้ดิน” 9 แห่งที่มีเอกลักษณ์ต่างกัน จะน่าสนใจพอไหม?

 สถานีรถไฟใต้ดินของรัสเซียแต่ละสถานีจะมีประวัติและการตกแต่งที่ไม่เหมือนใคร โดยแต่ละสถานีมีการออกแบบและวางเรื่องราวที่น่าสนใจ ขนาดที่ว่ามีโปรแกรมทัวร์สถานีรถไฟใต้ดินในมอสโก มีไกด์ท้องถิ่นพาชม มีลูกทัวร์เดินตาม ประหนึ่งเข้าชมพระราชวังปีเตอร์ฮอฟกันเลยทีเดียว

 ซึ่งเหตุที่ต้องมีไกด์พาชมสถานี นอกจากจะได้ไม่หลงทางแล้ว ลูกทัวร์ยังจะได้เข้าใจเรื่องราวในแต่ละสถานีได้ลึกซึ้ง เพราะอย่างที่ทราบกันภาษาที่ใช้ทั่วไปจะเป็นภาษารัสเซีย ตั้งแต่ตั๋วรถไฟจนกระทั่งป้ายบอกทาง ครั้นถ้าเกิดหลงขึ้นมาแล้ว จะสอบถามทางกับชาวรัสเซียเป็นภาษาอังกฤษก็จะได้คำตอบเป็นภาษารัสเซียพร้อมหน้านิ่งๆ กลับมา

 ทว่า สำหรับคนที่ต้องการเที่ยวเอง ไม่ง้อทัวร์ ต้องการใช้เงินให้น้อยที่สุดและคุ้มค่าที่สุด ก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นเกินไปนัก เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีช่วยทำให้การเดินทางในต่างถิ่นง่ายขึ้น อย่างกูเกิลแปลภาษาที่ทำให้คนไทยคุยกับคนรัสเซียรู้เรื่อง (มากขึ้น) และที่สำคัญคือ กูเกิลแมป แผนที่ขนาดพกพาที่ทำให้คุณหลงยากขึ้นอีกหน่อยในเมืองหมีขาวแห่งนี้

 ต้องเกริ่นก่อนว่า สถานีรถไฟใต้ดินในมอสโกมีหลายสาย แต่ละสายมีหลายสถานี ถ้าต้องลงทุกสถานีเพื่อเยี่ยมชมความงามคงต้องใช้เวลามากกว่า 1 สัปดาห์ ดังนั้นสำหรับวันเดย์ทริปจึงขอเลือกสถานีเด่นๆ และอยู่ในเส้นทางใกล้เคียงกันดัง 9 สถานีต่อจากนี้

 ก่อนอื่นก็ต้องเตรียมเงินสำหรับซื้อตั๋วรถไฟใต้ดิน ถ้าซื้อเป็นต่อเที่ยวจะอยู่ที่ราคา 50 รูเบิ้ลตลอดสาย เปลี่ยนกี่สถานีก็ได้จนกว่าจะออกจากสถานี แต่ถ้าอยากจะประหยัดแนะนำให้ซื้อตั๋วเดย์พาส (Day Pass) หรืออันลิมิเต็ดพาส (Unlimited Pass) และหากซื้อตั๋วแบบรวมกันหลายคนราคาจะลงไปอยู่ที่ 35 รูเบิ้ล/เที่ยว/คน

 จากนั้นวิธีการเข้าสถานี ถ้าเดินทางแบบหลายคนต้องให้เพื่อนคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นนายตรวจคอยแตะบัตรให้ผ่านไปทีละคน แต่สำหรับวันนี้เราเลือกซื้อตั๋วแบบเข้าครั้งเดียวและออกครั้งเดียว เรียกว่าใช้ชีวิตวันนี้อยู่ในสถานีรถไฟเป็นหลัก และเพื่อเป็นการง่ายในการเที่ยวชม เราจะขึ้นรถไฟไล่เรียงไปจากสถานีที่ใกล้ที่พักที่สุด ได้แก่ สายสีเขียว ต่อด้วยสายสีน้ำตาล แวะสายสีเทา จากนั้นไปสายสีน้ำเงิน และกลับมาจบที่สายสีเขียวเพื่อกลับบ้าน

 1.สถานี Mayakovskaya (สายสีเขียว)

 สถานีนี้เดินผ่านทุกวัน แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นสถานีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก บนเพดานโค้งประดับด้วยภาพโมเสกล้อมรอบด้วยโคมไฟ ส่วนเสาและหลังคาโค้งทำจากหินอ่อนสีขาวชมพูและสเตนเลส เล่าถึงเรื่องราวอนาคตที่สดใสของสหภาพโซเวียต จากนั้นเราขึ้นรถไฟใต้ดินสายสีเขียวมาตัดกับสายสีน้ำตาลซึ่งวิ่งเป็นวงกลม และสถานีต่อไปจะพบกับสถานีที่ 2

รัสเซียใต้ดิน เสพงานศิลป์ในสถานีรถไฟ

 2.สถานี Novoslobodskaya (สายสีน้ำตาล)

 ภายในสถานีถูกตกแต่งด้วยงานกระจกโมเสกจำนวน 32 บาน แต่ละบานถูกตัดขอบด้วยทองเหลือง บานกระจกทำเป็นรูปทรงโค้ง พื้นกำแพงทำจากหินอ่อนสีชมพูจากอูราล ซึ่งทั้งหมดถูกออกแบบโดยศิลปินชาวลัตเวีย ซึ่งดูแล้วคล้ายโบสถ์มากกว่าสถานีรถไฟใต้ดิน จากนั้นนั่งต่อมาจะพบกับสถานที่ที่เป็นทางเชื่อมระหว่างสายสีเทากับสายสีน้ำตาล ซึ่งทั้งสองสถานีเป็นจุดแวะชมทั้งคู่

รัสเซียใต้ดิน เสพงานศิลป์ในสถานีรถไฟ

 3.Mendeleevskaya (สายสีเทาเชื่อมต่อสีน้ำตาล)

 จุดเด่นของสถานีนี้ตกแต่งด้วยโคมไฟรูปทรงโครงสร้างโมเลกุลที่ไม่เหมือนใครตลอดความยาวชานชาลา และส่วนปลายทางออกยังมีรูปปั้นน้องหมา Mendeleevskaya ซึ่งเป็นสุนัขจรจัดที่อาศัยอยู่ที่สถานีนี้กว่า 3 ปี ก่อนตายลง ชาวบ้านจึงทำรูปปั้นไว้เป็นที่ระลึก (คนรัสเซียค่อนข้างรักสุนัข เราจะพบสุนัขในหลายๆ ที่ แม้ในที่ที่ไม่คิดว่าจะพบ เช่น ในรถไฟ ร้านอาหาร หรือแม้แต่บนเครื่องบิน) จากนั้นเดินกลับจากสายสีเทามาที่สายสีน้ำตาลจะพบกับสถานีต่อไป

รัสเซียใต้ดิน เสพงานศิลป์ในสถานีรถไฟ

 4.Prospekt Mira (สายสีน้ำตาล)

 สถานีนี้จะมีโคมไฟขนาดใหญ่ที่เป็นรูปทรงกระบอกแปลกตา เสาผนังทำจากหินอ่อนสีขาว หัวเสาเป็นรูปปั้นนูนต่ำแกะสลักลวดลายดอกไม้ที่มุมเสา ตรงกลางเป็นรูปแกะสลักแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับภาคเกษตรกรรมของสหภาพโซเวียต จากนั้นก่อนที่จะเปลี่ยนไปขึ้นสายสีน้ำเงิน เราจะไปจุดสุดท้ายของสายสีน้ำตาล

รัสเซียใต้ดิน เสพงานศิลป์ในสถานีรถไฟ

 5.Komsomolskaya (สายสีน้ำตาล)

 สถานีนี้มีความหมายว่า “วังของประชาชน” จุดเด่นคือโคมไฟตรงโถงกลางขนาดใหญ่ และหลังคาทรงโค้งทาสีเหลือง ด้านบนประดับด้วยภาพโมเสกจำนวน 9 ภาพ ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ของสหภาพโซเวียต

 นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟเพื่อออกไปนอกเมือง 3 สถานี (Rail Terminal) ตอนนี้เราจบสายสีน้ำตาล แต่การเดินทางยังไปต่อในสายสีน้ำเงินที่สถานี Kurskaya เพื่อไปชมสถานีรถไฟต่อ

 6.Ploschad Revolyutsii (สายสีน้ำเงิน)

 ภายในสถานีนี้เสมือนอยู่ในพิพิธภัณฑ์ปูนปั้น เพราะถูกตกแต่งด้วยรูปปั้นทำจากบรอนซ์จำนวน 76 ชิ้น ได้แก่ รูปปั้นทหาร พลเรือน และสัตว์หลายชนิด บางชิ้นถูกผู้โดยสารลูบคลำจนผิวมันวาว เพราะมีความเชื่อว่าถ้าลูบที่จมูกสุนัขจะทำให้โชคดี จากนั้นสถานีต่อไปเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน 4 สาย ถือเป็นสถานีขนาดใหญ่และอลังการ

 7.Arbatskaya (สายสีน้ำเงิน)

 เป็นสถานีรถไฟใต้ดินขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของกรุงมอสโก มีจุดเด่นที่ลายปูนปั้นและโคมไฟระย้า 2 แถวลวดลายดอกไม้ โดยสถานีนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่แทนของเดิมที่ถูกระเบิดทำลายในช่วงสงครามโลก ซึ่งได้ขุดลึกลงไปกว่าเดิมเพื่อใช้เป็นหลุมหลบภัยได้อีกทางหนึ่ง จากนั้นก่อนถึงสถานีต่อไป เราจะผ่านสถานีหนึ่งที่น่าสนใจคือ Park Pobedy แม้ว่าสถานีนี้ไม่มีจุดเด่นที่ความสวยงาม แต่มีจุดเด่นที่เป็นสถานีที่ลึกที่สุดคือ 73.6 เมตรจากพื้นดิน และมีบันไดเลื่อนที่มีความยาวถึง 126 เมตร

 8.Slavyanskiy Bulvar (สายสีน้ำเงิน)

 สถานีขนาดใหญ่เกือบจะสุดทางของสายสีน้ำเงิน ภายในตกแต่งสไตล์โลกอนาคต ผนังเป็นหินอ่อนสีเขียวจากคิวบา เวลาแสงไฟจากโคมไฟระย้ากระทบกับผนังจะให้ความสวยงามมาก จากนั้นเราต้องนั่งรถไฟย้อนกลับไปบนเส้นทางเดิม เพื่อไปอีกหนึ่งสถานีที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร  

 9.Elektrozavodskaya (สีน้ำเงิน)

 สถานีนี้มีความสว่างของแสงไฟมากเป็นพิเศษ เพราะสถาปนิกได้ออกแบบหลอดไฟโคมกลม 6 แถว จำนวน 318 โคม ซึ่งผลิตจากโรงงานหลอดไฟที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานี เสริมความสวยงามด้วยเสาหินอ่อนทรงสี่เหลี่ยม แกะสลักภาพนูนต่ำด้านบนตัวเสา

 ทั้งหมด 9 สถานีที่กล่าวมานับเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการทัวร์สถานีรถไฟใต้ดินในมอสโก สิริใช้เวลาประมาณครึ่งวันในการเดินชม แต่หากอยากได้อรรถรสสำหรับการทัวร์ลักษณะนี้ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลของแต่ละสถานีก่อนล่วงหน้า และแต่งตัวเก๋ๆ มาสักหน่อย พออาศัยช่วงจังหวะคนน้อยๆ ก็โพสท่าแข่งกับความอลังการของบรรยากาศใต้ดิน

 ตอนนี้คงได้คำตอบแล้วว่า เงิน 100 รูเบิ้ล สามารถทำอะไรได้บ้างในมอสโก ซึ่ง 1 วันในสถานีรถไฟใต้ดินจะทำให้คุณประทับใจจนลืมเวลา