อาหาร : มากกว่ารสชาติ คือการเรียนรู้

โดย...ทีมงาน โลก 360 องศา facebook : โลก 360 องศา youtube : โลก 360 องศา

ช่วงที่ผ่านมาทีมงานโลก 360 องศา ได้เดินทางไปในประเทศที่เป็นปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยม ในหลายๆ ประเทศ และเป็นประเทศที่มีความใกล้ชิดกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก  จึงมีโอกาสสูงที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเราจะได้เดินทางไปยังประเทศเหล่านี้  ถ้าหากเราได้ทำความรู้จักและเข้าใจในวัฒนธรรมอาหารการกินของพวกเขาไว้ก่อน ก็จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวมีความสนุกสนาน และมีความหมายยิ่งขึ้น เพราะมีข้อมูลว่า ร้านอร่อย ย่านขายของกินเด็ดๆ นั้นอยู่ตรงไหน  เช่น ถ้าเดินทางไปในประเทศเวียดนาม หากจะกินเฝอหรือก๋วยเตี๋ยวให้อร่อยต้องกินร้านไหน ซึ่งแต่ละร้านก็มีเคล็ดลับทีเด็ดต่างกัน หรือหลายคนคงแอบน้ำลายสอไปกับบั๋นหมี่ แบ๋งก๋วน และบั๋นแจงนึ๋ง ภาพเหล่านี้ย้อนดูทีไร ก็ทำให้อยากเก็บกระเป๋า ไปเที่ยวเวียดนามทุกทีเลย เป็นต้น

ดังนั้น ต้องบอกว่า อาหารการกินก็มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจไปท่องเที่ยวเหมือนกัน ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นแค่ของอร่อยเท่านั้น บางทีของกินแปลกๆ ก็สร้างความรู้สึกท้าทาย ให้เราอยากได้ไปเห็น อยากไปลองชิมเหมือนกัน เหมือนอย่างเช่นตอนที่ทีมงานโลก 360 องศา ได้ไปชิมอาหารจากธรรมชาติที่กัมพูชา ทำให้ได้เห็น ได้เรียนรู้ ถึงที่มาของอาหารการกินผู้คนในประเทศนี้  ยิ่งพอได้ชิม พอได้เรียนรู้ ก็ยิ่งรู้สึกว่า อาหารไม่ได้มีแค่รสชาติ และหน้าตาเท่านั้น อาหารแต่ละจานของแต่ละชาตินั้น เต็มไปด้วยเรื่องราวความเป็นมา ในบางพื้นที่เพียงแค่เราเรียนรู้ถึงวิถีชีวิต เรียนรู้ถึงทรัพยากรทางธรรมชาติที่พวกเขามีอยู่ ก็สามารถทราบไปถึงประวัติศาสตร์บางช่วงบางตอนของประเทศนั้นๆ อีกด้วย

 การเดินทางเพื่อทำความรู้จักอาหารของแต่ละชาตินั้น สิ่งที่ได้กลับมานั้นมากยิ่งกว่ารสชาติของอาหารแท้จริงแล้วการเดินทางกลับเปิดโอกาสให้พวกเราได้ไปเรียนรู้และทำความรู้จักกับวัฒนธรรม อาหารการกินของหลายๆ ประเทศ ทำให้เราเห็นถึง “การแบ่งปันวัฒนธรรม ข้ามเส้นเขตแดนระหว่างประเทศ” เห็นถึง “ความเชื่อมโยงของประเทศที่มีรากวัฒนธรรมเดียวกัน” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารเส้นๆ เรื่องของการหมักปลา นอกจากการได้เรียนรู้ถึงเรื่องราวของอาหารการกินแล้ว ยังได้เห็นถึงเสน่ห์ของอาหาร ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศของตน หลายๆ ประเทศก็มีอาหารไทยของเราแฝงอยู่  ยิ่งไปกว่านั้น ต้องบอกว่า มันเป็นเสน่ห์ของการเดินทาง เพราะการได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อไปลอง ไปชิม แล้วเอามาโพสต์ลงใน Social media ไม่ว่าจะเป็น Instragram หรือว่า Facebook แล้ว ก็จะมีความสนใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เกิดเป็นบริการรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่าเป็น Food tour ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ขายในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี

ยุทธศักดิ์ สุภสร

เมื่อเราย้อนกลับมามองที่เมืองไทยของเรา ก็พบว่า อันที่จริงแล้วเราก็มีอาหารหลากหลายกว่า แถมยังเป็นอาหารที่อร่อยครบรสกว่า ซึ่งก็ถือเป็นหนึ่งในเสน่ห์การท่องเที่ยวไทยเช่นกัน เรื่องการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในปลายทางที่คนอยากมาเที่ยว-อยากมากินนั้นยังต้องอาศัยการสื่อสารและนำเสนอภาพลักษณ์เหล่านี้ให้ไปสู่วงกว้าง ประเทศไทยเราเองก็มีแผนจะทำให้ประเทศไทยเป็น Capital of Gastronomy หรือว่าเป็น “เมืองศูนย์กลางของภูมิภาค ที่มีความสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหาร” นั่นเอง

ซึ่งเรื่องนี้ ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่า “เรามีนโยบายสำคัญในการเพิ่มรายได้ จากการท่องเที่ยวผ่าน Spending per trip โดยใช้เรื่องของอาหารมาเป็นตัวแทนในการสื่อ เพราะคิดว่าอาหารเป็นปัจจัยที่กำหนดการตัดสินใจต้นๆ ในการเลือกสถานที่ท่องเที่ยว เลือก Destination ลองนึกดูเวลาเราจะไปไหนก็มักจะคิดกันว่า ไปแล้วว่าที่นั่นจะมีอะไรทาน  ซึ่งแต่ละที่ก็เป็นจุดเด่นของประเทศไทยอยู่แล้ว เราถึงหยิบยกเรื่องนี้ออกมา แต่ที่ลึกลงไปกว่านั้นก็คือว่า ไม่ใช่เฉพาะที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เฉพาะเมืองที่ทุกคนรู้จักที่ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุย พัทยา เท่านั้น ความมีเสน่ห์ของอาหารท้องถิ่น เราก็อยากจะให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสไป เหมือนอย่างที่บอกว่าเราปักธงเรื่องอาหาร ขอให้เกิดการเดินทางเข้าไปในท้องที่ แล้วก็มีการบริโภคอาหารท้องถิ่น ก็จะทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เกิดรายได้กับคนในท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งจุดนี้จะเป็นยุทธศาสตร์หลัก และยุทธศาสตร์สำคัญของ ททท. ในปี 2561”

ทั้งนี้ ยุทธศักดิ์ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “เพื่อสอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเองกำลังรณรงค์สร้างจิตสำนึกในการท่องเที่ยว 3 เรื่องหลัก อันแรกแน่นอนที่สุดต้อง Stay safe ก่อน คือ มาประเทศไทยต้องปลอดภัย อยู่ในโรงแรม อยู่ที่ไหน ไปท่องเที่ยวได้อย่างมีความสบายใจ มีความอบอุ่นใจ อันที่สองคือ Spend safe ใช้จ่ายอย่างเป็นธรรม ไม่ว่าจะซื้อของตั้งแต่อยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ลงมาคุยกันในเรื่องของ Street food หรืออาหารริมทาง ที่เราอยากจะส่งเสริม และสุดท้ายคือ Eat safe ก็คือต้องให้อาหารปลอดภัย ซึ่งทั้งสามเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราจะต้องทำ และทำให้มันเกิด เรื่องของ Safety ก็จะเป็น Keyword สำคัญ ไม่ว่าเราจะส่งเสริมเรื่องการสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวก็ดี หรือในเรื่องของอาหารก็ตาม”

กล่าวโดยสรุปก็คือ ถ้าจะพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยให้ไปอย่างยั่งยืน เน้นเรื่อง ต้องอยู่อย่างปลอดภัย ต้องจ่ายอย่างปลอดภัย แล้วก็ต้องกินอย่างปลอดภัย ถ้าเราทำได้ มันก็จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยให้มีชื่อเสียงมากขึ้น ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามามากยิ่งขึ้น แล้วที่สำคัญกลุ่มที่รับประทานอาหาร  ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสุภาพสตรี ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ฉะนั้นเราจะได้ทั้งสองอย่าง ทั้ง Strategic sector ที่เรากำหนดเรื่องของอาหาร เรื่องของ Gastronomy จุดมุ่งหมายที่จะต้องการเป็น Capital of Gastronomy ใน Asia ในขณะเดียวกัน เราสามารถ Target กลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง คือกลุ่มสภาพสตรีได้ แล้วอาหารไทยเองยังมีจุดแข็งให้โปรโมทหลายอย่าง ดังที่กำลังรณรงค์ในประเทศญี่ปุ่นก็คือ การรับประทานอาหารไทยแล้วแข็งแรงด้วย คือพูดง่ายๆ ว่า ทานแล้วไม่ค่อยอ้วน ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สามารถขายให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นผู้หญิงได้เป็นอย่างดี

หากจะพูดถึงภาพรวมแล้ว เราจะเห็นว่า การโปรโมทการท่องเที่ยวด้วยวิธีการใดๆ ก็ตามจะเห็นว่า การจะสร้างโรงแรมดีๆ สร้างโรงแรมใหม่ๆ ใครๆ ก็ทำได้  การจะสร้าง Theme park หรือว่าสวนสนุกดีๆ ประเทศไหนๆ ก็ทำได้ แต่ถ้าหากจะโปรโมทวัฒนธรรมดีๆ อันนี้ต้องใช้เวลา แล้วก็ต้องมีเอกลักษณ์ที่เด่นชัด ปัจจุบันมีไม่กี่ประเทศที่สามารถทำได้ ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่สามารถทำได้ การทำงานที่ได้เดินทางพบเห็นผู้คน วัฒนธรรม อาหารการกินของหลายๆ ประเทศ เมื่อมีโอกาสพูดคุยกับนักท่องเที่ยวที่เขาเคยมาหรือเคยได้ยินสิ่งแรกๆ ที่เขาจะพูดถึงประเทศไทยนอกจากรอยยิ้มสยาม สถานที่ วัดวาอารามที่สวยงาม แล้วก็คือ ผัดไทย ต้มยำ ส้มตำ ทุเรียน ฯลฯ นั่นก็หมายถึงว่า สิ่งเหล่านี้คือความประทับใจที่ยังอยู่ในความทรงจำของนักท่องเที่ยวเสมอไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ตาม ทีมงานโลก 360 องศา จึงมีความเชื่อว่าประเทศไทยจะได้เป็นศูนย์กลางหรือเป็นสวรรค์ของนักกิน ของชาวโลกในเร็ววันนี้แน่นอน

ติดตามชมเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ในรายการโลก 360 องศา วันเสาร์นี้ ทาง ททบ.5

ร้านอาหารไทยในต่างแดน

ผลไม้ไทย