posttoday

ช่วยชุมชนมีรายได้ เพิ่มใช้จ่ายประเทศ

12 กุมภาพันธ์ 2560

หลังจากได้สวมหมวกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งใบ กับการเป็นหัวหน้าภาคเอกชนสานพลังประชารัฐของกลุ่ม D7

โดย...จะเรียม สำรวจ

หลังจากได้สวมหมวกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งใบ กับการเป็นหัวหน้าภาคเอกชนสานพลังประชารัฐของกลุ่ม D7 การสร้างรายได้และการกระตุ้นการใช้จ่ายของประเทศ ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล ก็เดินหน้าสานต่อโครงการที่ได้รับมอบหมายทันที หลังจากก่อนหน้านี้ได้ออกมาประกาศ 3 โครงการหลักที่จะตอบรับกับจุดมุ่งหมายของประชารัฐ ได้แก่ เนรมิตอยุธยา พัฒนาผลิตภัณฑ์ภูมิภาค และส่งเสริมศูนย์กลางการค้าปลีกและส่งใน 7 จังหวัดชายแดนไทย ได้แก่ อ.แม่สอด จ.ตาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย จ.หนองคาย จ.อุดรธานี จ.มุกดาหาร จ.สระแก้ว และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

สำหรับโครงการที่มีความคืบหน้าไปมากในขณะนี้ คือ โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภูมิภาค เนื่องจากก่อนหน้านี้บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล ได้ช่วยเหลือชุมชน ด้วยการก่อตั้งโครงการสินค้าชุมชนของเรา ภายใต้โครงการเซ็นทรัลอาสาพัฒนาชุมชนมาแล้วตั้งแต่ปี 2555 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อให้ความรู้ด้านการค้าปลีก พร้อมช่วยเหลือและพัฒนาผลิตภัณฑ์และผลผลิตของชุมชน ทำให้กลุ่มชุมชนมีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง สร้างชุมชนให้มีความเข้มแข็ง สามารถยืนได้ด้วยตนเอง

ทศ กล่าวว่า โครงการสินค้าชุมชนของกลุ่มถือเป็นการก่อตั้งขึ้นมา เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนชุมชนตั้งแต่ระดับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเล็กๆ สู่สหกรณ์ และเติบโตสู่การเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่มีความพร้อม เพื่อนำสินค้าส่งออกไปทำตลาดในต่างประเทศ

ช่วยชุมชนมีรายได้ เพิ่มใช้จ่ายประเทศ

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ชุมชนจะก้าวไปสู่ความสำเร็จดังกล่าว สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ การสร้างอาชีพใหม่หรือพัฒนาอาชีพปัจจุบันให้รุ่งเรืองขึ้น เพื่อให้รายได้ต่อหัวของคนในชุมชนเพิ่มขึ้นเห็นได้อย่างชัดเจน และเป็นรายได้ที่ยั่งยืนโตขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็จะเริ่มมีการพัฒนาสินค้าให้เป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และสามารถขยายในระดับประเทศหรือส่งออก

ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินงานดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ต้องมาจาก 5 ขั้นตอนในการดำเนินงาน คือ 1.คัดเลือกผลิตภัณฑ์เอกลักษณ์ประจำจังหวัด 2.ตั้งทีมท้องถิ่น ลงพื้นที่และทำแผนงาน 3.ประสานความร่วมมือกับศูนย์ประชารัฐพัฒนา 4.สนับสนุนด้านการเงิน และ 5.ทำการตลาดและการจำหน่าย ซึ่งบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จะเข้าไปช่วยดูแลในเรื่องดังกล่าว

ปัจจุบันโครงการสินค้าชุมชนของกลุ่มได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 แล้ว ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือและพัฒนาชุมชนไปแล้ว 123 ชุมชน ใน 49 จังหวัดทั่วประเทศไทย มีสินค้าที่ได้รับการพัฒนาไปแล้วกว่า 1,508 รายการ และสร้างรายได้คืนกลับสู่ชุมชนไปแล้วรวมกว่า 637 ล้านบาท โดยสินค้าต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการจะถูกจำหน่ายภายในท็อปส์ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และไทวัสดุ

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเซ็นทรัลยังได้สนับสนุนในด้านของสิ่งปลูกสร้างในโครงการสินค้าชุมชน โดยปัจจุบันมีสิ่งปลูกสร้างที่พัฒนาเพื่อช่วยเหลือชุมชนด้วยกัน 5 แห่ง ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนสิ่งประดิษฐ์จากเศษผ้าบ้านสบสาย จ.แพร่ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมะขามทอง จ.กาญจนบุรี กลุ่มอาหารแปรรูปปลาแดดเดียวชุมชนกลุ่มเกษตรบ้านตราชู จ.สิงห์บุรี กลุ่มเกษตรกรบ้านพันเสา จ.พิษณุโลก และสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ ต.ปากดุก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

ช่วยชุมชนมีรายได้ เพิ่มใช้จ่ายประเทศ

 

ขณะเดียวกัน บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล ยังเข้าไปร่วมสนับสนุนสิ่งปลูกสร้างผ่านมูลนิธิเตียง จิราธิวัฒน์ ให้กับชุมชนอีกหลายแห่ง เช่น โรงคัดบรรจุสินค้าทางการเกษตรเซ็นทรัลซำสูง โรงสีข้าวชุมชน ข้าวเหนียวลืมผัว บ้านห้วยน้ำเย็น จ.ตาก โรงสีข้าวชุมชน ข้าวสังข์หยด จ.พัทลุง และอาคารแปรรูปมะขามหวาน บ้านโนนเสาธง จ.เพชรบูรณ์ เป็นต้น

ส่วนสินค้าตัวอย่างในโครงการสินค้าชุมชนของกลุ่มที่ได้รับความนิยม ประกอบด้วย ผักบ้านน้ำดุกใต้ จ.เพชรบูรณ์ ข้าวสังข์หยด จ.พัทลุง ส้มโอทับทิมสยาม จ.นครศรีธรรมราช ผักลาว ผักพื้นบ้านจาก อ.ซัมสูง จ.ขอนแก่น พรมอเนกประสงค์จากเศษผ้าบ้านสบสาย ต.สบสาย จ.แพร่ ปลาแดดเดียว แม่น้ำแม่ลา จ.สิงห์บุรี และหมี่กรอบสงครามโลกครั้งที่ 2 จ.กาญจนบุรี เป็นต้น

ทศ กล่าวว่า สินค้าชุมชนโดยเฉพาะสินค้าเกษตร บริษัทมีแผนจะพัฒนาชุมชนเป็นจังหวัดต้นแบบ คือ จ.เพชรบูรณ์ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศ และสภาพดินของ จ.เพชรบูรณ์ โดยเฉพาะที่ชุมชนบ้านน้ำดุกใต้มีลักษณะร่วนซุย อุดมสมบูรณ์ จึงถือว่าเหมาะอย่างมากกับการทำการเกษตร

ปัจจุบันชุมชนบ้านน้ำดุกใต้มีพื้นที่เกษตรของสมาชิกในชุมชนรวม 1,760 ไร่ ในพื้นที่ดังกล่าวผลิตสินค้าเกษตรเพื่อส่งจำหน่ายให้กับซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือท็อปส์ 360 ไร่ ซึ่งในส่วนของสินค้าเกษตรที่นิยมปลูก คือ กะหล่ำดอก บร็อกโคลี่ ผักกาดขาวปลี แขนงกะหล่ำ คะน้าฮ่องกง มะเขือเปราะ กวางตุ้ง ถั่วหวาน ถั่วแขก ซาโยเต้ ซูกินี ลูกฟัก เบบี้แครอท เผือก และดอกหอม

ช่วยชุมชนมีรายได้ เพิ่มใช้จ่ายประเทศ

 

อย่างไรก็ดี เพื่อให้สินค้าเกษตรที่จะนำเข้ามาจำหน่ายมีคุณภาพตรงกับความต้องการของลูกค้า ในปี 2555-2557 บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล ได้ลงพื้นที่สำรวจและวางแผนงาน รวมทั้งการให้ความรู้ด้านค้าปลีกแก่ชุมชน หลังจากนั้นประมาณปี 2557-2558 เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ ก็ได้เริ่มดำเนินการรับซื้อผลิตผลจากสหกรณ์แบรนด์น้ำดุกใต้ เพื่อนำไปขายในราคาที่สูงกว่าตลาด

ล่าสุดเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล ได้ต่อยอดการช่วยเหลือชุมชน ด้วยการสร้างอาคารคัดบรรจุผักมาตรฐานผักปลอดภัยให้แก่ชุมชน ด้วยเงินสนับสนุนประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อขยายเครือข่ายชุมชนและกำลังการผลิต ซึ่งผักที่ถูกนำมาบรรจุในอาคารคัดบรรจุผักสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ จะเป็นผักปลอดภัยในโครงการกรีนมาร์เก็ต จ.เพชรบูรณ์ ที่ถูกส่งมาจาก 4 อำเภอใน จ.เพชรบูรณ์ ได้แก่ อ.หล่มสัก เขาค้อ น้ำหนาว และภูทับเบิก

หลังจากบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล เข้าไปช่วยสนับสนุนชุมชนใน จ.เพชรบูรณ์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นทั้งในด้านอาชีพและรายได้ เห็นได้จากยอดขายจากผักของชุมชนในปี 2559 ที่เพิ่มขึ้นกว่า 135% เปรียบเทียบกับปี 2557

จากจุดเริ่มต้นของโครงการที่เริ่มนำสินค้าเกษตรมาขายให้กับซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือท็อปส์ปี 2557 มียอดขายจากผักของชุมชนอยู่ที่ 6.8 ล้านบาท จากสมาชิกที่ส่งผักขายทั้งหมด 29 ราย ปี 2558 ยอดขายจากผักของชุมชนได้ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 12 ล้านบาท จากสมาชิกที่ส่งผักขายทั้งหมด 32 ราย และล่าสุดปี 2559 ยอดขายจากผักของชุมชนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 16 ล้านบาท จากสมาชิกที่ส่งผักขายทั้งหมด 43 ราย และในปี 2560 นี้คาดจะเพิ่มเป็น 25 ล้านบาท ปี 2561 เพิ่มเป็น 35 ล้านบาท ปี 2562 เพิ่มเป็น 40 ล้านบาท และปี 2563 ตั้งเป้ายอดขายจากผักของชุมชนเพิ่มเป็น 46 ล้านบาท

ความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าวทำให้บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล มีแผนที่จะสนับสนุนเงินอีกประมาณ 2 ล้านบาท ในการสร้างอาคารคัดบรรจุผักแห่งใหม่ที่ อ.ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ เพื่อส่งเสริมศักยภาพผลผลิตทางการเกษตร เตรียมพร้อมรับความท้าทายในอนาคต และกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนใกล้เคียงให้มีความเจริญทัดเทียมกัน โดยปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลได้เริ่มเพิ่มการสนับสนุนผลผลิตแบรนด์ภูทับเบิก จากสหกรณ์ผักปลอดภัยภูทับเบิกผ่านทางเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ ซึ่งสามารถสร้างกำไรเพิ่มขึ้นให้กับสหกรณ์ภูทับเบิกกว่า 4 แสนบาท ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ยังมีแผนจะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอื่นๆ นอกเหนือจากเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ เช่น การนำผักบ้านน้ำดุกใต้เป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหารของโรงแรมเครือเซ็นทารา และร้านอาหารในเครือเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป (CRG) รวมถึงการจัดโรดโชว์อีเวนต์สินค้าชุมชนไปยังภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้สินค้าชุมชนในแต่ละพื้นที่เป็นที่รู้จักมากขึ้น

นอกจากจะให้การสนับสนุนในด้านของสินค้าชุมชนแล้ว บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล ยังได้มีการสนับสนุนโรงเรียนภายในชุมชนให้มีมาตรฐานการเรียนการสอนที่ดีขึ้น ซึ่งโรงเรียนบ้านปากดุก ถือเป็นหนึ่งในโรงเรียนที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของโครงการเซ็นทรัลอาสาพัฒนาชุมชน เนื่องจากโรงเรียนแห่งดังกล่าวประสบอุทกภัยฉับพลัน ส่งผลให้อาคารเรียน ห้องน้ำ และสนามเด็กเล่น ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ดังนั้น บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จึงใช้งบกว่า 8 แสนบาท ช่วยปรับปรุงห้องสุขา ห้องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ห้องสมุด อาคารโภชนาการพร้อมอุปกรณ์ครัว สนามเด็กเล่น ฟูกนอนสำหรับเด็ก เครื่องกรองน้ำ และอุปกรณ์กีฬา เพื่อให้เด็กๆ มีพัฒนาการเรียนที่ดี